สรุปเครดิตบุโรคืออะไร มาทำเข้าใจกันแบบง่ายๆ

มีใครบ้างที่ทุกวันนี้ ไม่เคยซื้อบ้าน ไม่เคยซื้อรถ หรือไม่เคยมีบัตรเครดิต   ซึ่งเชื่อว่าคำตอบมากกว่าครึ่งหนึ่งทุกคน คงเคยมีประสบการณ์เหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น

สรุปเครดิตบุโรคืออะไร  และคนที่เคยมีประสบการณ์เหล่านี้ ก็น่าจะเคยได้ยิน หรือได้รู้จักคำว่าเครดิตบุโรกันแล้วมาอย่างแน่นอน  โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กู้ไม่ผ่าน และให้เหตุผลว่า คุณติดเครดิตบุโร หรือ คุณติดแบล็คลิตส์

แล้วถามกันจริงๆ เถอะว่า คุณรู้จักเครดิตบุโรดีแค่ไหน แล้วรู้หรือไม่ว่า ในความเป็นจริงบนโลกใบนี้ สถาบันเครดิตบุโร ไม่ได้เป็นคนพิจารณาหรือปล่อยกู้สินเชื่อหรือธุรกรรมให้คุณหรอกนะ  เพราะเอาจริงแล้วคนที่เป็นผู้อนุมัติ ก็คือคนที่คุณไปขอสินเชื่อ หรือขอเงินกู้เค้านั่นเอง นั่นก็คือสถาบันการเงิน หรือธนาคารเท่านั้น 

อ้าวแล้วสรุปคือ เครดิตบุโรคืออะไร  วันนี้เราจะมาคลายปัญหาและตอบปัญหานี้ให้กับคุณ  โดยจริงแล้ว คำว่าเครดิตบุโร ก็คือ รายงานประวัติการชำระเงินนั่นเอง ครับ

มันคือรายงานที่รวบรวมข้อมูลการชำระสินเชื่อของบุคคลจากสถาบันที่ปล่อยสินเชื่อหลายๆ แห่ง ที่พวกคุณไปกู้ ทั้งจากที่เป็นสถาบันการเงินลักษณะแบบแบงค์ธนาคารหรือนอนแบงค์ ที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มาเก็บรวบรวมย้อนหลังไว้ทั้งหมด 36 เดือน โดยธุรกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเงินกู้ กู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ ค่าบัตรเครดิต ทุกอย่างจะถูกเก็บรวบรวมเข้ามาในนี้ทั้งหมด

โดยแต่ละสถาบันต่างๆ เหล่านี้จะส่งข้อมูลให้กับสถาบันเครดิตบุโร เอาไปบันทึกรวบรวมเป็นประวัติการชำระเงินต่างๆ ของบุคคลท่านนั้นๆ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะไปกู้อะไร ก็แล้วแต่ ประวัติข้อมูลของคุณก็จะถูกส่งไปรวบรวมที่นี่ ก็เท่านั้นเอง  

เท่านี้คงจะพอเข้าใจภาพรวมของคำว่าเครดิตบุโรแล้วใช่มั้ย  อ้าวแล้วทำไมต้องมีเครดิตบุโรหล่ะ  ก็จริงๆ แล้ว ที่เค้ามีสถาบันเครดิตบุโรขึ้นมานั้น

ก็เพราะเค้าจะเอาข้อมูลเหล่านี้อ้างถึงประวัติการชำระเงินของคุณ ให้กับแบงค์ต่างๆ หรือสถาบันการเงินที่เค้าจะอนุมัติสินเชื่อปล่อยกู้ให้คุณ เอาไปเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ตัดสินใจนั่นเองหล่ะ  เพื่อที่เค้าจะได้พิจารณาอย่างรอบครอบว่า คุณมีประวัติการชำระเงินที่ดีหรือไม่ เมื่อถ้าหากปล่อยกู้ไปแล้ว คุณจะไม่สามารถผ่อนชำระหรือ จะชำระให้เค้าไหวหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง

  พูดกันง่ายๆ คือเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลการชำระเงินให้ดูกันเพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจครับ   แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็จะมีกฏหมายควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ที่ไม่ใช่ว่าสถาบันการเงินไหน จะเข้าไปดูข้อมูลของคุณได้ เพราะถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากคุณพวกเค้าก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าไปดูนั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  เครดิตฟรี gclub

App นิยาย Joylada กวาดรายได้ไตรมาสแรก เติบโต 77% 

             ในสมัยโบราณนั้นเรามักจะมีการอ่านนิยายจากหนังสือที่นักเขียนได้มีการแต่งแล้วส่งไปที่สำนักพิมพ์นำไปวางขายตามแผงขายหนังสือหรือตามร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้าแต่ปัจจุบันเนื่องจากว่าเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าดังนั้นจึงมีเว็บไซต์ที่มีการเขียนนิยายขาย

App นิยาย Joylada กวาดรายได้ โดยผู้อ่านไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อหนังสือที่ร้านขายหนังสืออีกต่อไปเพราะสามารถที่จะมีการอ่านผ่านทางเว็บไซต์ได้เลยเพียงแค่มีการจ่ายเงินในการอ่านนิยายในแต่ละตอน

           อย่างไรก็ตามปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่เว็บไซต์อย่างเดียวเท่านั้นแต่มีการสร้างเป็น Application ขึ้นมาเพื่อที่ผู้อ่านจะได้เข้าไปทำการเลือกได้ว่าอย่างที่จะอ่านนิยายของ Application ของสำนักพิมพ์ไหนซึ่งล่าสุดทาง Ookbeeก็ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับแอพนิยายที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ในตอนนี้ซึ่งก็คือ App นิยายของJoylada 

           เนื่องจากว่า แอปนิยาย Joylada ได้มีการเปิดโอกาสให้นักเขียนนั้นสามารถเข้าไปทำการแต่งนิยายและมีการแบ่งรายได้ให้กับนักเขียนซึ่งปัจจุบันนี้มีการให้ส่วนแบ่งของนักเขียนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าในช่วงไตรมาสแรกของ ปีพ.ศ. 2565 ปรากฏว่าได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างล้นหลามทำให้การเติบโตของแอปนิยายJoylada สูงถึง 70 7%

ทำให้เจ้าของแอปนั้นตัดสินใจที่จะมีการแบ่งรายได้ให้กับนักเขียนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก 20% ดังนั้นเมื่อบวกกับของเดิมแล้วนักเขียนนิยายจะสามารถได้รับส่วนแบ่งจากนิยายที่ตนเองเขียนลงภายในแอปJoylada ถึง 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว 

           รายการเปิดเผยข้อมูลของประธานบริหารของ App Joylada  มีการระบุว่าปัจจุบันลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีมาก  แจ้งฝาก-ถอน ufabet     มีการดาวน์โหลดนิยายไปอ่านมากกว่า 10 ล้านครั้ง ดังนั้นทางผู้บริหารของ App Joylada  จึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด

เพื่อให้ลูกค้ายังคงหันมาสนใจ Application ของ Joylada อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้อ่านอยู่เสมอซึ่งในขณะนี้ Joylada ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้มี Content เยอะแยะมากมายภายใน Application

          สำหรับใครที่เคยเข้าไปทำการดาวน์โหลด App Joylada  หรืออาจจะเคยเข้าไปทำการอ่านนิยายภายในแอปดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีทั้งนิยายซึ่งเป็นผู้แต่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้วและยังมีนิยายซึ่งเป็นผู้แต่งน้องใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายร้อยบัญชีซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีนักศึกษาหลายคนที่หันมาสนใจแต่งนิยายขายผ่านทางแอพพลิเคชั่นเพื่อหารายได้พิเศษ

และก็ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีส่งผลทำให้ในขณะนี้นิยายนั้นมีความเติบโตอย่างต่อเนื่องและข้อมูลของทาง App Joylada ก็สามารถสร้างรายได้เติบโตได้ถึง 77 เปอร์เซ็นต์ทั้งที่เป็นเพียงแค่ไตรมาสแรกเพียงเท่านั้นเอง   ดังนั้นถ้าหากใครอยากหารายได้เสริมก็สามารถเขียนนิยายและนำไปโพสต์ลงใน Application Joylada ได้เช่นเดียวกัน 

ยายสู้ชีวิต  พายเรือเก็บผักขายรายได้ 400 บาทต่อวัน 

            สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการสู้ชีวิตของคุณยายท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนจังหวัดนครราชสีมาโดยคุณยายท่านนี้อายุ 67 ปีแล้ว

แต่ยังคงต้องทำงานหาเงินเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองและคนอื่นๆในครอบครัว  เนื่องจากว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าเป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพงเศรษฐกิจย่ำแย่ทำให้การทำงานรับจ้างทั่วไปนั้

พายเรือเก็บผักขายรายได้ 400 บาท บางวันก็มีงานทำและบางวันก็ไม่มีงานทำสิ่งที่สามารถทำได้มากที่สุดก็คือการหารายได้เสริมเพื่อเลี้ยงชีพของตนเองและคนในครอบครัว

          เนื่องจากคุณยายอายุสูงแล้วไม่สามารถที่จะไปรับจ้างเหมือนกับคนอื่นได้ดังนั้นอาชีพที่คุณยายสามารถหาเลี้ยงตนเองและคนอื่นๆในครอบครัวได้ก็คือการเก็บผักขายด้วยคุณยายไม่ได้มีพื้นที่มากนักดังนั้นจึงไม่ได้มีการปลูกผักเป็นของตนเองและนำไปขายแต่คุณยายอาศัยการเก็บผักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้วนำไปขายดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าคุณยายไม่ได้มีการลงทุนอะไรเพียงแค่โรงแรมเท่านั้นแต่ก็สามารถหาเงินมาเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวได้

         สำหรับอาชีพที่คุณยายใช้ในการหาเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวก็คือคุณยายจะมีการนำเรืออีโปงออกไปพายเรือลำคลองต่างๆเพื่อทำการหาเก็บผักขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผักบุ้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  นอกจากนี้ยังมีผักชนิดอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายที่มักจะขึ้นตามริมคลองซึ่งสามารถเก็บได้เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของ

         สำหรับคุณยายที่เรากำลังพูดถึงชีวิตการหาเลี้ยงชีพตนเองนี้คือคุณยายเฉลียวซึ่งคุณยายนั้นอาศัยอยู่ในอำเภอพิมายมาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้วและอาศัยการเก็บผักในลำน้ำจักรราชเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและคนในครอบครัวมานานกว่า 20 ปีแล้ว

ซึ่งคุณยายบอกว่า ทุกวันที่มีการพายเรือเพื่อมาทำการเก็บผักหรือผักบุ้งออกไปขายนั้นเมื่อนำผักไปขายก็ได้เงินมาจุนเจือครอบครัววันละ 300-400 บาทเลยทีเดียว 

           อย่างไรก็ตามคุณยายเฉลียวไม่ได้มีการพายเรือหาผักบุ้งเพียงแค่ภายในริมคลองเท่านั้นแต่ยังมีการเดินเลาะหาไปตามท้องทุ่งท้องนาและของคนอื่นซึ่งผักบุ้งนี้เป็นผักที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของโดยคุณยายจะมีการออกจากบ้านตั้งแต่ 07:00 น

หลังจากนั้นจะกลับเข้าบ้านอีกทีก็คือช่วงเวลาประมาณ 15:00 น เมื่อใดผักบุ้งตามจำนวนที่คุณยายต้องการเรียบร้อยแล้วก็จะนำผักบุ้งใส่กระสอบกลับมาที่บ้านแล้วนำมาล้างทำความสะอาดและมัดเป็นกำหลังจากนั้นก็จะนำผักบุ้งที่มัดจำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ไปวางขายในตลาดโดยส่วนใหญ่แล้วคุณยายจะขายในราคาถูกมากก็คือขายเพียงแค่กำละ 5 บาทเท่านั้นและตลาดที่คุณยายเฉลียวมากจะไปขายอยู่เป็นประจำก็คือตลาดไนท์บาซ่าพิมายนั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าคุณยายเฉลียวเป็นคุณยายที่สู้ชีวิตเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าคุณยายไม่มีต้นทุนในการประกอบธุรกิจเป็นของตนเองแต่เมื่อคุณยายมีความขยันและมีความอดทนคุณยายก็สามารถหาเงินเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวได้ 

 

สนับสนุนโดย  ติดต่อ ufabet

Korat Next Step ประกาศรับสมัครเด็กฝึกงาน  Big Mountain 

       ประกาศรับสมัครเด็กฝึกงาน  Big Mountain    เมื่อพูดถึงงานดนตรีที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งของประเทศไทยและมักจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีนั้น

เชื่อว่าบรรดาขาดนตรีทั้งหลายย่อมนึกถึงชื่องานมหกรรมดนตรี Big Mountain Music Festival อย่างแน่นอนเนื่องจากว่าเป็นงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากและมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเป็นเทศกาลดนตรีดีๆที่มีการจัดขึ้นแต่ละครั้งนั้นหลายวันติดต่อกันเป็นงานที่จัดอย่างยิ่งใหญ่มโหฬารและมักจะมีดราม่าเป็นประจำทุกปีและที่สำคัญงาน big mountain Music Festival นั้นมักจะจัดขึ้นที่เขาใหญ่เพียงเท่านั้น 

       อย่างไรก็ตามในปีพ.ศ 2555 นี้ได้มีการประกาศออกมาแล้วว่าที่เขาใหญ่จะมีการจัดงาน big mountain Music Festival ประจำ ปี พ.ศ. 2565 อีกครั้งหนึ่งซึ่งมีการประกาศผ่านทาง Facebook ของ  Korat Next Step โดยประกาศเกี่ยวกับการรับสมัครเด็กฝึกงานในตำแหน่งต่างๆที่จะไฟทำงานในงาน big mountain Music Festival โดยจะมีการเปิดรับสมัครจนถึงวันที่ 31 เดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2565  ซึ่งจะเป็นการทำงานระหว่างวันที่ 9-11 เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2565 

        สำหรับรายละเอียดของการรับสมัครงานนั้นจะมีการกำหนดอายุของเด็กที่จะไปฝึกงาน big mountain ว่าจะเป็นอายุเพียงแค่ 18-25 ปีเท่านั้นแต่ถ้าหากใครสนใจแต่ถ้ามีอายุมากกว่า 18 ถึง 25 ปีก็สามารถกรอกใบสมัครได้ซึ่งจะมีการนำมาพิจารณาภายหลังอย่างไรก็ตามรายละเอียดของงานในการฝึกนั้นจะต้องมาทำงานทุกวันและจะมีการสัมภาษณ์งานในวันที่ 5-6 เดือนพฤศจิกายนปีพ.ศ 2555 นี้

โดยก่อนที่จะทำงานนั้นจะต้องมีการอบรมซึ่งจะมีการจัดฝึกอบรมให้ในวันที่ 30 เดือนพฤศจิกายนพ.ศ 2555 เพื่อที่จะได้พร้อมเรียนรู้งานและสามารถทำงานในการเป็นเด็กฝึกของบิ๊กเมาเท่นได้ 

            สำหรับตำแหน่งที่มีการเปิดรับนั้นมีตั้งแต่ตำแหน่งพิธีกรนอกจากนี้ยังมีตำแหน่งผู้ช่วยประสานงานและสวัสดิการรวมถึงตำแหน่งประชาสัมพันธ์และทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวนอกจากนี้ยังมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยประสานงานสปอนเซอร์รวมถึงผู้ช่วยประสานงานศิลปินต่างประเทศโดยจะต้องมีความเข้าใจด้านภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นรวมถึงภาษาเวียดนามและภาษากัมพูชาอีกด้วย

       อย่างไรก็ตามรายละเอียดของการฝึกงานที่ Big Mountain นี้ไม่ได้    ufabet เว็บตรง   มีการระบุเอาไว้ว่าจะมีค่าตอบแทนในการฝึกงานหรือไม่ซึ่งหลังจากที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ก็มีคนเกิดความสงสัยซึ่งก็มีเด็กที่เคยฝึกงานบางคนออกมาชี้แจงว่าการฝึกงานที่บิ๊กเมาเท่นเป็นการหาประสบการณ์ฟรีและไม่มีเงินเดือนให้แต่บางคนที่เคยฝึกงานก็ได้เงินค่าตอบแทนวันละ 500 บาทก็มี 

       อย่างไรก็ตาม Facebook ของ Big Mountain Music Festival ยังไม่ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องของค่าฝึกงานในครั้งนี้ซึ่งระบุแต่เพียงว่าให้รอติดตามต่อไปเท่านั้น 

แนวโน้มเศรษฐกิจของไทยปี 2565 

             เมื่อประมาณช่วงปลายเดือนมิถุนายนปีพ.ศ. 2565 ได้มีการเปิดสัมมนาอภิปรายในชื่อ  โอกาสใหม่  Stronger Thailand  ซึ่งในการสัมมนาในครั้งนี้นั้นเป็นการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจของประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2565

โดยมีการระบุว่าการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้นั้นจะสามารถขยายตัวได้ถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะมีการขยายตัวที่ต่ำกว่า 2.5 เปอร์เซ็นต์นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าค่าการที่สามารถการันตีเกี่ยวกับเรื่องของการขยายตัวเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นจะอยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์นั่นเอง 

           สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐกิจนั้นมาจากเลขาธิการสภาพัฒน์ซึ่งได้มีการขึ้นไปอธิบายโดยมีการระบุว่าข้อมูลที่ได้นำมาอธิบายในโครงการนี้นั้นได้มีการปรึกษาหารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย

 

แนวโน้มเศรษฐกิจของไทยปี 2565  และทางด้านกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้วและไม่ใช่มีการปรึกษากันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแต่มีการแสดงความคิดเห็นหรือมีการพูดคุยกันมาแล้วหลายครั้งและในการคิดเห็นนั้นก็มีความคิดเห็นที่ค่อนข้างตรงกันโดยมองว่ามีความเป็นไปได้ในการเติบโตของเศรษฐกิจของไทยประจำปีพ.ศ. 2565  น่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 นั่นเอง 

            สำหรับสาเหตุที่ทำให้มีการวิเคราะห์กันว่าเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้นมีการเติบโตถึงแม้ว่าจะไม่ได้เยอะมากนานก็เพราะว่าในขณะนี้ถ้าจะสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีแนวโน้มการส่งออกที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องของการส่งออกอาหารเนื่องจากว่าในต่างประเทศนั้นบางประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องของการขาดแคลนอาหารนั่นเองและประเทศไทยเองก็เป็นประเทศที่มีการผลิตอาหารเป็นหลักอยู่แล้ว  

         นอกจากเรื่องการส่งออกแล้วประเทศไทยกำลังได้รับผลตอบรับที่ดีเกี่ยวกับเรื่องของโครงการการท่องเที่ยวหลัง    ดูบอลสด   จากที่รัฐบาลได้มีการประกาศผ่อนคลาย  เกี่ยวกับเรื่องของการกัดตัวการฉีดวัคซีนต่างๆ ซึ่งถ้าหาตัวสถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยจะเห็นได้ว่าในช่วงระยะเวลา 5 เดือน

ก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า สองล้าน คนแล้ว   และหลังจากที่ทางรัฐบาลได้มีการประกาศเกี่ยวกับเรื่องของการผ่อนคลายนโยบายต่างๆเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะมีการเพิ่มเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นซึ่งการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยใน ปีพ.ศ. 2565 นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 7 ถึง 10 ล้านคนเลยทีเดียว 

           อย่างไรก็ตามทางด้านเลขาธิการสภาพัฒน์ก็ยังมีความเป็นห่วงว่าการคาดการณ์นั้นอาจจะยังไม่ค่อนข้างแน่นอนสักเท่าไหร่นัดจากว่ามีภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเกิดขึ้นซึ่งการเกิดสงครามนี้เองที่มันทำให้มีผลต่อทางด้านเศรษฐกิจโลกและส่งผลมายังเศรษฐกิจของไทยและยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสงครามนี้จะจบลงเมื่อไหร่ซึ่งถ้าหากสงครามตกลงเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นแต่ถ้าหากสงครามยังคงดำเนินต่อไปเศรษฐกิจอาจจะเลวร้ายมากกว่าที่มีการคาดการณ์ 

แม่ค้าขาย ลูกชิ้นยืนกิน จังหวัดบุรีรัมย์หน้าบานหลังคนหากินตามลิซ่า Black Pink

         แม่ค้าขาย ลูกชิ้นยืนกิน จังหวัดบุรีรัม สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการรู้จักลูกชิ้นปิ้งลูกชิ้นย่างมาเป็นระยะเวลานานแล้ว

          ซึ่งแต่เดิมนั้นขายเพียงแค่ไม้ละ 1 บาทหรือ 2 บาทเท่านั้นต่อมาก็มีการเพิ่มราคาขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไรก็ตามลูกชิ้นปิ้งหรือลูกชิ้นย่างนั้นก็ได้รับความนิยมจากลูกค้ามาเป็นระยะเวลานานแต่ก็ไม่ค่อยมีกระแสโด่งดังมากจนเมื่อไม่นานมานี้ศิลปินชื่อดังอย่างลิซ่าวงแบล็คพิ้งได้มีการให้สัมภาษณ์ทางสื่อระบุว่าเมื่อตนเองเดินทางกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้านเกิดก็คือที่จังหวัดบุรีรัมย์

อาหารที่ชื่นชอบอย่างหนึ่งก็คือลูกชิ้นยืนกินซึ่งทุกครั้งที่กลับมาประเทศไทยแล้วกลับมาที่บ้านของแม่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ลิซ่าจะต้องมากินลูกชิ้นร้านดังกล่าวเสมอเรียกได้ว่าเป็นร้านประจำของลิซ่า Black Pink เลยก็ว่าได้ 

           อย่างไรก็ตามหลังจากที่บทสัมภาษณ์ของลิซ่าได้เปิดเผยก็ทำให้ลูกชิ้นยืนกินในจังหวัดบุรีรัมย์ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นจำนวนมากซึ่งมีทั้งคนในจังหวัดเดียวกันที่ต่างพากันเดินทางมาร้านเดียวกับที่ลิซ่ากินรวมถึงคนที่อยู่ต่างจังหวัดทั่วประเทศไทยต่างก็พยายามที่จะหาซื้อลูกชิ้นยืนกินในจังหวัดบุรีรัมย์เพราะอยากจะกินเหมือนกับลิซ่านั่นเอง

ทำให้ร้านค้าขายลูกชิ้นยืนกินในจังหวัดบุรีรัมย์นั้นต่างก็ได้รับอานิสงส์กันทั่วหน้ายิ้มหน้าบานกันเลยทีเดียวเพราะไม่เพียงขายได้ที่หน้าร้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่แม่ค้าหลายคนนั้นยังมีการเปิดขายลูกชิ้นยืนกินแบบออนไลน์ส่งไปยังจังหวัดอื่นๆสร้างรายได้ให้กับแม่ค้าขายลูกชิ้นในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

         เรียกได้ว่าลิซ่านั้นตกกระแสความนิยมของการกินลูกชิ้นยืนกินให้กลายเป็นที่โด่งดังไม่ใช่เพียงในประเทศไทยเท่านั้นแต่ชาวต่างชาติที่ได้ฟังบทสัมภาษณ์ของลิซ่าต่างก็พากันอยากทดลองกินลูกชิ้นยืนกินกันดังนั้นจะเห็นได้ว่าในเว็บไซต์ออนไลน์ต่างๆ

         หรือแม้แต่ในโซเชียล Facebook หรือแม้แต่ Twitter Instagram รวมถึงลาซาด้าหรือ    ufabet เว็บแม่    แม้แต่ช้อปปี้เองก็มีแม่ค้าหัวใสนำลูกชิ้นยืนกินมาประกาศขายผ่านทางเว็บไซต์ส่งให้ลูกค้าทำให้แม่ค้าหลายคนนั้นมีรายได้จากการขายลูกชิ้นยืนกินที่ลิซ่านำไปโปรโมทเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

            จากการที่คนจังหวัดบุรีรัมย์สามารถมีสินค้าที่สามารถส่งไปขายในจังหวัดอื่นๆได้นั้นส่งผลให้เศรษฐกิจในจังหวัดบุรีรัมย์นั้นดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม่ค้าที่ขายลูกชิ้นยืนกินหลายรายที่สามารถสร้างรายได้มาจากการขายลูกชิ้นหลังจากที่ลิซ่าได้มีการโปรโมทให้เลขได้ว่าแม่ค้านั้นต่าง

         ก็พากันออกมาขอบคุณลิซ่ากันเป็นอย่างมากที่สามารถทำให้จังหวัดบุรีรัมย์นั้นเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากเดิมที่เศรษฐกิจค่อนข้างซบเซาแต่เมื่อได้รับการโปรโมทจากทางลิซ่าก็ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์นั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดบุรีรัมย์เป็นจำนวนมากส่วนหนึ่งนั้นก็คือมาเที่ยวและอีกส่วนหนึ่งนั้นก็อยากจะมากินลูกชิ้นยืนกินร้านเดียวกับลิซ่านั่นเอง 

เกษตรกรทั่วไทยจับมือกันลดราคาหมูหน้าฟาร์มต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 6 ช่วยค่าครองชีพประชาชน

เกษตรกรทั่วไทยจับมือกันลดราคา  อย่างที่เรารู้กันดีว่าในขณะนี้เนื้อหมูนั้นค่อนข้างมีราคาสูงมากโดยขายกิโลกรัมละมากกว่า 200 บาทเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เลือกนี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาเป็นจำนวนมากทำให้ด้านสมาคมผู้เลี้ยงสุกรได้มีการร่วมมือกันกับเกษตรกรที่เลี้ยงสุกรทั่วประเทศจับมือกันเพื่อช่วยเหลือในเรื่องของราคาหมูให้มีการปรับราคาลดลงมา

              โดยในขณะนี้เจ้าของฟาร์มหมูทั่วประเทศนั้นได้มีการขายเนื้อหมูในราคาหน้าฟาร์มไม่ถึงกิโลกรัมละ 100 บาทซึ่งถ้าเกิดว่าร้านค้าปลีกย่อยได้มีการนำเนื้อหมูไปขายก็จะสามารถลดราคาจากกิโลกรัมละมากกว่า 200 บาทลงมาได้เพื่อที่ประชาชนที่ซื้อเนื้อหมูไปบริโภคหรือไปใช้ในการทำอาหารซื้อกินนั้นก็จะได้ซื้อในราคาที่ไม่สูงมากนัก

          อย่างไรก็ตามการลดเนื้อหมูหน้าฟาร์มนั้นได้มีการร่วมมือกันทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นจังหวัดในภาคตะวันตกหรือไม่จังหวัดในภาคอีสานรวมถึงจังหวัดในภาคตะวันออกและภาคเหนือรวมถึงภาคใต้ทุกภาคนั้นมีการคิดราคาเนื้อหมูในราคาหน้าฟาร์มกิโลกรัมละประมาณ 94-97 บาทเท่านั้น

ซึ่งแต่ละจังหวัดนั้นอาจจะมีการคิดค่าราคาหมูหน้าฟาร์มที่แตกต่างกันแต่อยู่ในปริมาณที่ใกล้เคียงกันอย่างแน่นอนและในแต่ละพื้นที่ไม่มีใครขายเกินกิโลกรัมละ 100 บาทอย่างแน่นอน 

          อย่างไรก็ตามเมื่อไปดูตามร้านค้าทั่วไปการลดราคาเนื้อหมูอาจจะยังไม่ค่อยเห็นผลเยอะสักเท่าไหร่มากนักแต่หากไปดูในห้างสรรพสินค้าอย่างเช่นห้างแม็คโครก็จะเห็นได้ว่าในขณะนี้แม็คโครได้มีการจำหน่ายเนื้อหมูในราคาที่ลดราคาลงมาซึ่งจากเดิมนั้นกิโลกรัมละเกือบ 200 บาทก็เหลือเพียงแค่กิโลกรัมละ 150 บาทซึ่งถือว่าเป็นการลดราคาลงมาแบบพิเศษมากๆ

        สำหรับการลดราคาเนื้อหมูในครั้งนี้ที่เป็นการร่วมมือของเกษตรกรทั่วประเทศนั้นก็หวังว่าจะสามารถที่จะช่วยเหลือประชาชนในยามที่กำลังเจอวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้ซึ่งการที่หมูราคาไม่สูงมากนักก็จะทำให้ผู้คนนั้นสามารถซื้อหมูมาบริโภคได้เพราะก่อนหน้านี้ที่เนื้อหมูมีราคาแพงหลายคนก็หันไปกินเนื้อชนิดอื่นๆ

ซึ่งหลังจากที่หันไปกินเนื้อชนิดอื่นปรากฏว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นก็มีการปรับเพิ่มราคาเช่นเดียวกันดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนและเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนหันกลับมากินเนื้อหมูรวมถึงการประคับประคองประชาชนให้ผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ด้วยกันทั้งประเทศจึงได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรที่ทำฟาร์มหมูจากทั่วประเทศทำการปรับลดราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มลงมาให้ถูกลง

           อย่างไรก็ตามนี่เป็นการดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้วซึ่งคาดว่าถ้าหากว่าไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหรือไม่มีโรคระบาดเกิดขึ้นในเนื้อหมูอีกราคา เนื้อหมูก็น่าจะขายได้ในราคานี้ไปอีกต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์หรืออาจจะลดราคาต่ำกว่านี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนในการเลี้ยงหมูนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย    aesexy

กรมเจ้าท่า ระงับเรือข้ามฟากขึ้นราคา เรือแสนแสบ-เรือด่วน ให้คงราคาเดิม

        เมื่อวันที่ 10 เดือนกุมภาพันธ์ปีพศ. 2565 ได้มีการประกาศออกมาจากทางบริษัทครอบครัวขนส่ง 2000 จำกัด

ซึ่งเป็นบริษัทที่คอยดูแลเกี่ยวกับเรื่องของการโดยสารทางน้ำหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้ให้บริการเรือโดยสารทางน้ำไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคลองแสนแสบหรือเป็นพวกเรือด่วนต่างๆได้มีการออกมาเปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยกับทางด้านนายกสมาคมเรือไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะยังคงช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าครองชีพของประชาชนในช่วงนี้

            โดยจะยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาค่าเรือข้ามฟากหรือแม้แต่เรือด่วนภายในคลองแสนแสบซึ่งปัจจุบันนั้นจะมีการเรียกเก็บอยู่ที่ประมาณ 3 บาท 50 สตางค์โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่าจะมีการปรับเพิ่มราคาเป็น 5 บาทซึ่งทางด้านกรมเจ้าท่าได้ออกมายืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะยังคงคิดค่าบริการในการนั่งเรือในราคาเดิมก็คือ 3 บาท 50 สตางค์

จะยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งท่าเรือที่ทางด้านกรมเจ้าท่าได้มีการพูดคุยกับทางบริษัทครอบครัวขนส่งนั้นมีทั้งหมด 8 ท่าด้วยกันและทั้ง 8 ท่านนี้ยืนยันจะยังคงมีการคงราคาค่าเรือข้ามฟากในราคาเดิมเอาไว้นั่นเอง 

        กรมเจ้าท่า ระงับเรือข้ามฟากขึ้น   อย่างไรก็ตามการที่ทางด้านบริษัทที่เข้ามาดูแลเรื่องของการให้บริการโดยสารเรือข้ามฟากภายในคลองแสนแสบหรือแม้แต่การให้บริการเรือด่วนนั้นเป็นการได้รับความร่วมมือจากทางบริษัทเหล่านี้

โดยการที่ทางด้านกรมเจ้าท่านั้นได้มีการทำเรื่องขอความร่วมมือไปโดยในขณะนี้จะยังไม่มีการอนุมัติให้ทางเรือที่เปิดให้บริการรับส่งผู้โดยสารทำการปรับขึ้นราคาและยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการอนุญาตให้มีการปรับขึ้นราคาเมื่อไหร่เพราะในขณะนี้ทางรัฐบาลมีความต้องการที่จะช่วยเหลือประชาชนด้วยการลดภาระเกี่ยวกับเรื่องของการเดินทางและค่าครองชีพต่างๆนั่นเอง 

           อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าค่าน้ำมันไม่ได้มีการปรับเพิ่มราคาเพิ่มมากขึ้นการปรับเพิ่มราคาของค่าโดยสารไม่ว่าจะเป็นเรือด่วนหรือเรือในคลองแสนแสบนั้นก็สามารถที่จะยังคงราคาเดิมได้ไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มราคาแต่เมื่อใดก็ตามที่น้ำค่าน้ำมันนั้นมีการปรับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆเชื่อว่าต่อให้มีการขอความร่วมมือทางด้านผู้บริการเรือต่างๆ

ก็อาจจะไม่สามารถให้ความร่วมมือได้เพราะถ้าเกิดว่าต้นทุนมาแพงการที่ให้บริการผู้โดยสารทางเรือนั้นก็ต้องมีการปรับเพิ่มราคาตามต้นทุนโดยเช่นเดียวกันดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการไม่ให้ค่าโดยสารข้ามฟากมีการปรับเพิ่มราคาก็คือรัฐบาลจะต้องมีการตรึงราคาน้ำมันไม่ให้มีการปรับเพิ่มขึ้นมานั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  gclubเครดิตฟรี50

เครือสหพัฒน์ ยื้อไม่ไหว ยื่นขอขึ้นราคาผงซักฟอกและมาม่าแล้ว 

            เครือสหพัฒน์ ยื้อไม่ไหว  สำหรับใครที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องของวงการธุรกิจจะเห็นได้ว่าในประเทศไทยนั้นมีเจ้าของกิจการยักษ์ใหญ่อยู่ไม่ไหลกิจการมากนัด

เนื่องจากว่าแต่ละกิจการยักษ์ใหญ่นั้นก็จะมีสินค้าของตนเองอยู่ในมือหลายประเภทอย่างเช่นบริษัทในเครือสหพัฒน์นั้นก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีการผลิตสินค้าออกมาขายเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอกรวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์มาม่านอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดที่บริษัทในเครือสหพัฒน์ได้มีการผลิตออกมาจำหน่ายให้กับคนไทย

      อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทเครือสหพัฒน์ออกมายืนยันว่าจะยังคงไม่ขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากว่าต้องการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังอยู่ระหว่างความเดือดร้อนปัญหาด้านเศรษฐกิจถึงแม้ว่าต้นทุนในการผลิตจะมีการถูกคิดค่าบริการที่สูงหลังจากที่ทั่วโลกต้องเจอกับวิกฤตระบาดของไวรัสโควิด และสงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนนั้นเอง

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2565 มีการประกาศออกมาจากสำนักข่าวต่างๆเกี่ยวกับเรื่องการขอยื่นขึ้นราคาสินค้าในเครือสหพัฒน์โดยจะมีการเพิ่มราคาสินค้าบางประเภท  เนื่องจากว่าทางผู้บริหารของเครือสหพัฒน์นั้นไม่สามารถแบกรับต้นทุนยึดขายสินค้าในราคาเดิมได้เพราะว่าต้นทุนนั้นค่อนข้างแพงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องดังนั้นจึงได้มีการทำเอกสารไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อทำการยื่นเรื่องขอปรับราคาสินค้าบางประเภทซึ่งสินค้าที่มีการส่งไปยื่นเรื่องเป็นประเภทแรกก็คือผงซักฟอกกับมาม่านั่นเอง  

       สำหรับเรื่องนี้นายบุณยสิทธิ์  โชควัฒนา   ซึ่งเป็นประธานของบริษัทในเครือสหพัฒน์ได้ให้ข้อมูลว่าไม่สามารถที่จะยื้อต่อไปเอาไว้ได้เพราะการแบกรับต้นทุนนั้นส่งผลทำให้บริษัทนั้นขาดทุนอย่างต่อเนื่องและถ้าหากบริษัทยังคงแบกรับภาระไม่ปรับราคาเพิ่มอีกต่อไปก็จะกลายเป็นว่าบริษัทนั้นอาจจะเจ๊งได้นั่นเอง

            ดังนั้นทางบริษัทในเครือสหพัฒน์จึงมีการขอยื่นเรื่องเพื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าให้แพงขึ้นแต่จะไม่ได้มีการเพิ่มราคาสินค้าทุกชนิดในเครือสหพัฒน์จะมีการทยอยปรับเพิ่มราคาซึ่งดูจากต้นทุนสินค้าแต่ละชนิดนั้นมีการปรับเพิ่มราคาขึ้นมากน้อยแค่ไหนถ้ายังสามารถที่จะช่วยเหลือประชาชนคนไทยได้ก็จะยังมีการตรึงราคาสินค้าอันนั้นเอาไว้ก่อนแต่ถ้าเกิดว่าต้นทุนแพงมากจนเกินไปบริษัทในเครือสหพัฒน์ก็จำเป็นที่จะต้องมีการยื่นเรื่องไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอปรับราคาเพิ่มด้วยเช่นเดียวกัน 

   อย่างไรก็ตามสำหรับข่าวดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแค่การยื่นเรื่องเพื่อติดต่อกับทางกระทรวงพาณิชย์ขอเพิ่มราคาสินค้าเท่านั้นซึ่งต้องรอผลจากการอนุมัติของกระทรวงพาณิชย์ก่อนทางเครือสหพัฒน์ถึงจะสามารถปรับราคาได้โดยในตอนนี้ลูกค้าก็ยังสามารถบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์มาม่าและผงซักฟอกของในเครือสหพัฒน์ในราคาเดิมอยู่

 

สนับสนุนโดย  เปิดบัญชีคาสิโนขั้นต่ำ100

ชาวสวนทุเรียน ผุดไอเดียขายผ่านทาง IG ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง 

        เมื่อวันที่ 10 เดือนเมษายนปีพศ. 2565     มีชาวเกษตรกรจังหวัดตราดได้มีการนำสินค้าทางการเกษตรของตนเองมาวางขายบนแผงขายริมถนนซึ่งวางขายอยู่บริเวณหน้าสวนของตนเองโดยเกษตรกรนั้นมีการขายทุเรียนเนื่องจากว่าช่วงหน้านี้เป็นช่วงหน้าทุเรียนและทุเรียนที่ถูกนำมาขายนั้นเป็นสายพันธุ์ชะนีเกาะช้าง     

         ผุดไอเดียขายผ่านทาง IG  อย่างไรก็ตามเกษตรกรเชื่อมั่นว่าการนำทุเรียนมาวางขายบริเวณริมถนนนั้นจะสามารถสร้างกำไรให้กับตนเองมากกว่าการขายให้กับเหล่าบรรดาพ่อค้าคนกลาง

เพราะลูกค้าที่เดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเมื่อขับรถผ่านมาแล้วเห็นว่ามีการขายทุเรียนก็มักจะแวะซื้อซึ่งนักท่องเที่ยวนั้นก็มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติโดยคนไทยนั้นจะแวะซื้อทุเรียนเยอะกว่าชาวต่างชาติโดยปัจจุบันนี้ชาวเกษตรกรที่นำทุเรียนสายพันธุ์ชะนีเกาะช้างมาวางขายนั้นสามารถสร้างรายได้ให้วันละ 15,000 บาทถึง 20,000 บาทนั่นหมายถึงว่าขายทุเรียนได้มากกว่าวันละ 30 ลูกต่อเกษตรกร 1 คนเลยทีเดียว

             อย่างไรก็ตามเกษตรกรยังระบุว่าการรับซื้อจากพ่อค้าคนกลางทางด้านชาวสวนก็ยังคงมีการขายอยู่แต่ก็เพิ่มช่องทางขายให้กับตนเองมีรายได้มากขึ้นอีกหนึ่งช่องทางนั้นก็คือนำมาวางขายริมถนนหน้าสวนของตนเองซึ่งตลอดระยะเวลาประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมานั้นมีลูกค้ามาซื้อทุเรียนเป็นจำนวนมากสร้างรายได้ในแต่ละวันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวโดยทางเจ้าของสวนนำทุเรียนมาขายเองในราคาเพียงกิโลกรัมละ 200 บาทเท่านั้นและทุเรียน 1 ลูกนั้นจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2-5 กิโลกรัม

        ซึ่งชาวสวนจะให้ลูกค้าที่สนใจที่จะซื้อทุเรียนนั้นได้ทดลองชิมทุเรียนของตนเองดูก่อนโดยถ้าลูกค้ามีการเลือกตัดสินใจที่จะซื้อก็จะมีการผ่าแล้วแกะให้ลูกค้าดูลูกค้าทุกรายที่มาซื้อทุเรียนกับเหล่าบรรดาเกษตรกรที่นำทุเรียนตัวเองมาขายนั้นต่างก็ชื่นชอบเป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามเกษตรกรยังเพิ่มช่องทางการขายทุเรียนของตนเองด้วยมีการนำไปโพสต์ขายผ่านทาง IG ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าผ่านทาง Social เช่นเดียวกัน   

             สำหรับทุเรียนสายพันธุ์ชะนีเกาะช้างนั้นเป็นสายพันธุ์ที่ได้มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องของสารอาหารแล้วพบว่าสายพันธุ์นี้จะมีสารไอโอดีนสูงรวมถึงมีวิตามินอีเยอะและสายพันธุ์นี้ได้มีการถูกนำไปลงทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางปัญญาเป็นสินค้าเฉพาะถิ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   อย่างไรก็ตามชาวเกษตรกรจังหวัดตราดได้มีการจัดเทศกาลชิมทุเรียนดีชะนีเกาะช้างโดยมีการจัดที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเกาะช้างซึ่งงานจะจัดระหว่างวันที่ 12-17 เมษายนปีพศ. 2565 นี้หากใครสนใจก็สามารถแวะไปชิมทุเรียนและซื้อทุเรียนในราคาย่อมเยาได้ 

 

สนับสนุนโดย    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย