ยายสู้ชีวิต  พายเรือเก็บผักขายรายได้ 400 บาทต่อวัน

          ยายสู้ชีวิต  พายเรือเก็บผักขาย  สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการสู้ชีวิตของคุณยายท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนจังหวัดนครราชสีมาโดยคุณยายท่านนี้อายุ 67 ปีแล้ว

แต่ยังคงต้องทำงานหาเงินเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองและคนอื่นๆในครอบครัว  เนื่องจากว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าเป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพงเศรษฐกิจย่ำแย่ทำให้การทำงานรับจ้างทั่วไปนั้นบางวันก็มีงานทำและบางวันก็ไม่มีงานทำสิ่งที่สามารถทำได้มากที่สุดก็คือการหารายได้เสริมเพื่อเลี้ยงชีพของตนเองและคนในครอบครัว

          เนื่องจากคุณยายอายุสูงแล้วไม่สามารถที่จะไปรับจ้างเหมือนกับคนอื่นได้ดังนั้นอาชีพที่คุณยายสามารถหาเลี้ยงตนเองและคนอื่นๆในครอบครัวได้ก็คือการเก็บผักขายด้วยคุณยายไม่ได้มีพื้นที่มากนักดังนั้นจึงไม่ได้มีการปลูกผักเป็นของตนเองและนำไปขายแต่คุณยายอาศัยการเก็บผักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้วนำไปขายดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าคุณยายไม่ได้มีการลงทุนอะไรเพียงแค่โรงแรมเท่านั้นแต่ก็สามารถหาเงินมาเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวได้

         สำหรับอาชีพที่คุณยายใช้ในการหาเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวก็คือคุณยายจะมีการนำเรืออีโปงออกไปพายเรือ  gclub   ลำคลองต่างๆเพื่อทำการหาเก็บผักขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผักบุ้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  นอกจากนี้ยังมีผักชนิดอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายที่มักจะขึ้นตามริมคลองซึ่งสามารถเก็บได้เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของ

         สำหรับคุณยายที่เรากำลังพูดถึงชีวิตการหาเลี้ยงชีพตนเองนี้คือคุณยายเฉลียวซึ่งคุณยายนั้นอาศัยอยู่ในอำเภอพิมายมาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้วและอาศัยการเก็บผักในลำน้ำจักรราชเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและคนในครอบครัวมานานกว่า 20 ปีแล้วซึ่งคุณยายบอกว่า ทุกวันที่มีการพายเรือเพื่อมาทำการเก็บผักหรือผักบุ้งออกไปขายนั้นเมื่อนำผักไปขายก็ได้เงินมาจุนเจือครอบครัววันละ 300-400 บาทเลยทีเดียว 

           อย่างไรก็ตามคุณยายเฉลียวไม่ได้มีการพายเรือหาผักบุ้งเพียงแค่ภายในริมคลองเท่านั้นแต่ยังมีการเดินเลาะหาไปตามท้องทุ่งท้องนาและของคนอื่นซึ่งผักบุ้งนี้เป็นผักที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของโดยคุณยายจะมีการออกจากบ้านตั้งแต่ 07:00 น หลังจากนั้นจะกลับเข้าบ้านอีกทีก็คือช่วงเวลาประมาณ 15:00 น เมื่อใดผักบุ้งตามจำนวนที่คุณยายต้องการเรียบร้อยแล้วก็จะนำผักบุ้งใส่กระสอบกลับมาที่บ้านแล้วนำมาล้างทำความสะอาดและมัดเป็นกำหลังจากนั้นก็จะนำผักบุ้งที่มัดจำเสร็จเรียบร้อยแล้วไปวางขายในตลาดโดยส่วนใหญ่แล้วคุณยายจะขายในราคาถูกมากก็คือขายเพียงแค่กำละ 5 บาทเท่านั้นและตลาดที่คุณยายเฉลียวมากจะไปขายอยู่เป็นประจำก็คือตลาดไนท์บาซ่าพิมายนั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าคุณยายเฉลียวเป็นคุณยายที่สู้ชีวิตเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าคุณยายไม่มีต้นทุนในการประกอบธุรกิจเป็นของตนเองแต่เมื่อคุณยายมีความขยันและมีความอดทนคุณยายก็สามารถหาเงินเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวได้