การปรับตัวร้านค้าต่างๆเข้าสู่สังคมไร้เงินสด

หลายปีมานี้ธนาคารต่างๆพยายามออกหาลูกค้าต่างๆในสถานที่ที่ไม่ว่าจะเป็นตามห้างร้านที่มีพ่อค้าแม่ค้าอยู่เยอะหรือแม้แต่จะเป็นตามตลาดสดตลาดนัดเองก็ตามที่มีแหล่งชุมชนหรือมีการค้าขายของมากร่วมไปทั้งการเข้าถึงร้านขายของชุมชนไม่ว่าจะเป็นระดับตำบลหรือแม้แต่จะเป็นระดับอำเภอเองการเข้าถึงสิ่งเหล่านี้คือการหาลูกค้าของธนาคารที่ให้ลูกค้านำเงินข้อมูลในระบบของธนาคารเอง

หลักฐานก็คือว่าเมื่อมีการใช้จ่ายมากเงินก็เข้ามาสู่ระบบของธนาคารธนาคารก็สามารถนำเงินเหล่านั้นไปลงทุนตามต่างๆเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อธนาคารเองและประโยชน์ที่ได้รับสำหรับลูกค้านั่นก็คือการใช้บริการแอปพลิเคชั่นต่างๆที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการซื้อการจ่ายต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นความปลอดภัยในการเก็บเงินที่ไม่ต้องเก็บไว้กับตัวเองเป็นจำนวนมาก

ซึ่งเสี่ยงต่อการโดนจี้หรือโดนปล้นเสี่ยงต่อการสูญหายแต่ถ้าหากเก็บไว้ในระบบออนไลน์นี้จะถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่าในการเก็บไว้กับตัวเองร้านค้าต่างๆในปัจจุบันต้องมีการปรับตัวเป็นอย่างมากเพราะว่าพฤติกรรมของผู้ซื้อในปัจจุบันมีการพกเงินสดน้อยลงทุนวิจัยชี้ให้เห็นว่าร้านค้าที่มีระบบการซื้อขายออนไลน์หรือแม้แต่จะเป็นการจ่ายเงินในระบบแอพพลิเคชั่นต่างๆที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 12% นี่ถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะมากๆ

เพราะในปัจจุบันพฤติกรรมเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากคนที่เป็นคนชั้นกลางเองก็ใช้ Application การโอนเงินอย่างแพร่หลายในปัจจุบันและตามต่างจังหวัดต่างๆยังไม่มีการปรับตัวมากนักของผู้ขายเพราะถ้าหากลองดูพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลมากๆบางครั้งแทบจะไม่มีการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์เลยแต่ในปัจจุบันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ร้านค้าต่างๆต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับเงินเป็นระบบออนไลน์

เพราะถ้าหากต่อไปในอนาคตมีการพกเงินสดน้อยลงอีกผู้ซื้อจำเป็นต้องซื้อในร้านที่มีการรับหรือจ่ายในระบบออนไลน์หรือผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคารต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นแอปพลิเคชันของระบบที่รับจ่ายเงินเองก็ตามนั้นจึงทำให้ยอดขายของร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านค้าชุมชนหรือร้านค้าตัวอำเภอเองอาจจะมีรายได้ที่ลดน้อยลงเพราะว่าลูกค้าไม่มีความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย

หรือซื้อของต่างๆจึงทำให้มีการเปลี่ยนร้านในการซื้อนี่จะเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมการปรับตัวของร้านค้าต่างๆจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งผลกระทบเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวผู้ซื้อเองหรือแม้แต่จะเป็นผู้ขายเองก็ตามด้านผลกระทบของผู้ขายหากไม่ปรับตัวอาจจะทำให้ยอดขายลดลงสำหรับผู้ซื้อต่อไปในอนาคตหากไม่มีการรับเงินสดแล้วและไม่มีการใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่น

หรือใช้จ่ายไม่เป็นอาจจะทำให้ไม่สามารถซื้อของเรานั้นได้ในยามจำเป็นก็ตามเวลาที่ไปในสถานที่ต่างๆหรือร้านค้าต่างๆที่ใช้เงินผ่าน Application 

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  aesexy

รอดจากโควิด

ถ้าจะให้รอดจากโควิด ต้องฮึดสู้บีบต้นทุน

รอดจากโควิด covid จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ของทั่วโลก เจ้าของธุรกิจทุกที่ต้องมีการปรับแผนเพื่อตั้งรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อความอยู่รอดของกิจการ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแฟชั่น ขนส่ง แอร์ไลน์ สื่อ ได้มีการปรับแผนคุมต้นทุน ทั้งลดเงินเดือน ลดสวัสดิการ ลดชั่วโมงทำงาน หรือหยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 นี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ดูว่าจะคลี่คลายลงเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่กลับมีทีท่าว่าจะมีโอกาสลาดยาวไปจนถึงกลางปี และจะส่งผลกระทบต่อทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่องแน่นอน จึงทำให้ภาคธุรกิจหลายแห่งเริ่มประเมินถึงภาวการณ์เมื่อรายได้ลดลง ส่อคำว่าธุกริจจะขาดทุน ซึ่งหนึ่งในแนวทางสำคัญคือการควบคุมต้นทุนให้ต่ำที่สุด ด้วยการตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ

นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า หลายบริษัทเริ่มประกาศปรับองค์กรและการจัดการภายในองค์กรอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นสายการบินต่างๆ กลุ่มธุรกิจ โรงแรม ที่ให้พนักงานลาหยุดโดยไม่ได้รับเงินเดือน โรงงานผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นสินค้า ที่ยอดขายลดลง จึงต้องชะลอการผลิต พนักงานบางส่วนจึงต้องหยุดงานไปแบบช่วยไม่ได้ ขณะที่กลุ่มสื่อ ก็มีข่าวการปรับลดเงินเดือน และเลย์ออฟพนักงานเพื่อลดต้นทุนอีกระลอกทั้งในส่วนของกลุ่มบีอีซี  นิวส์ทีวี และเครือเนชั่น 

ส่วนกลุ่มพวกเสื้อผ้านั้นหลังจากที่ห้างต่างๆ ได้ปิดตัวลงไป จุดขายหาย ยอดขายย่อมหายไปด้วย ส่งผลกระทบในหลายส่วน รวมถึงโรงงานการผลิตด้วย จึงต้องมีการเปลี่ยนแผนรองรับ โดยในส่วนของพนักงานขายได้รับการเยียวยาจากประกันสังคม ขณะที่ในส่วนโรงงานปรับแผนการผลิตจากเสื้อผ้ามาเป็นการเย็บหน้าการอนามัยแบบผ้าแทน

เพื่อให้พนักงานได้มีงานทำมีรายได้ปรกติ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะลดคน หรือลดเงินเดือน แต่จะใช้วิธีโยกงานหรือโยกคนไปทำงานในส่วนอื่นแทน แต่จะใช้ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในด้านอื่น เช่น ลดค่าเดินทาง ลดค่าน้ำมัน และหันมาใช้เทคโนโลยีทำงานกันมากขึ้น ส่วนในเครือสหพัฒน์ นั้นก็มีผลกระทบเช่นกัน ซึ่งก็จะมีการลดการทำงานล่งเวลา โยกพนักงานที่วางไปทำงานในส่วนอื่นแทน

และในส่วนกลุ่มธุรกิจการบิน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก พบว่า ไทยไลอ้อนแอร์ พนักงานทุกคนถูกปรับลดเงินเดือนลงถึงหกสิบเปอร์เซนต์ ไทยสมาย์ก็เปิดโอกาสให้พนักงานลาหยุดได้โดยไม่ต้องออกแต่จะไม่การจ่ายเงินเดือนแต่อย่างใด ซึ่งนักเศรษฐกิจท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า การที่แต่ละบริษัท  ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายในการปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ นั้น

ก็เพื่อให้ธุรกิจได้อยู่รอดและก้าวต่อไปได้  และเชื่อว่าหากสถานการณ์คลี่คลายเมื่อไหร่ การปรับลดต้นทุนนั้นก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปรกติ

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  aesexy