คาดปี 65 ธุรกิจรถมือสอง เติบโตขึ้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย 

           คาดปี 65 ธุรกิจรถมือสอง สถานการณ์โดยรวมหลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิคเริ่มเข้ามาจะเห็นได้ว่าธุรกิจต่างๆถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงแต่ยอดการขายนั้นก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดอย่างเช่นธุรกิจขายรถมือสองนั้นก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของไวรัสโควิด นั้นธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้แต่หลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิดผู้บริโภคนั้น

มีปัญหาเรื่องของฐานะทางการเงินกันเยอะขึ้นมีปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นส่งผลทำให้กำลังซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดงนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด

โดยเห็นได้จากปริมาณการขายรถใน ปีพ.ศ. 2564 นั้นตกลงมาถึง 4%   อย่างไรก็ตามยอดที่ตกลงมา 4 เปอร์เซ็นต์นี้เป็นยอดเพียงแค่การซื้อลดลงเท่านั้นแต่เมื่อซื้อแล้วสามารถผ่อนต่อได้หรือไม่ได้จะเป็นอีกยอดหนึ่งต่างหาก 

         หลังจากสถานการณ์ที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มมีการคลี่คลายสถานการณ์โดยรวมของภาคธุรกิจนั้นเริ่มกลับมาดีขึ้นรวมถึงการจำหน่ายรถยนต์ด้วยเช่นเดียวกันซึ่งจะเห็นได้ว่าในไตรมาสแรกของ ปีพ.ศ. 2565

นั้นสำหรับตลาดรถยนต์มือหนึ่งหรือรถยนต์ใหม่ป้ายแดงนั้นกลับมาเติบโตอีกครั้งหนึ่งซึ่งสามารถขายเพิ่มได้มากขึ้นสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

          นอกจากนี้ตลาดรถยนต์มือสองนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะมีการเติบโตเช่นเดียวกันโดยจะเห็นได้ว่าผู้คนเริ่มหันมาสนใจซื้อรถยนต์มือสองกันมากขึ้นโดยมี การรายงานเข้ามาว่าในแต่ละปีนั้นจำนวนผู้คนที่ซื้อรถยนต์มือสองนั้นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งมียอดการขายรถยนต์มือสองได้ประมาณปีละ 8หมื่น- 9หมื่น ล้านบาทเลยทีเดียว ที่สำคัญธุรกิจยังคงสามารถไปต่อและเติบโตได้โดยมีการคาดการณ์กันว่าแนวโน้มกันซื้อรถยนต์มือสองจะเพิ่มมากขึ้นในไตรมาสนี้ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีปริมาณการเติบโตที่สูงกว่ารถยนต์มือหนึ่ง 

         สำหรับข้อมูลในการอ้างอิงเกี่ยวกับเรื่องของการเติบโตของตลาดรถยนต์มือสองนั้นมาจากบริษัทแอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์ )  จำกัด โดยมีการเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องของตลาดรถยนต์มือสองว่าได้รับผลกระทบทาง covid นั้นน้อยมาก  ปัจจุบันตลาดรถยนต์มือสองที่มีการเปิดประมูลขายรถนั้นมีประมาณเกือบ 8 แห่งด้วยกัน

           โดยปัจจุบันนั้นมีการพัฒนามีการประมูลขายรถยนต์มือสองทั้งแบบออนไลน์และ on site ดังนั้นช่วงระหว่างนี้ถือได้ว่าการแข่งขันในตลาดรถยนต์มือสองนั้นยังไม่ค่อยสูงมากนักเพราะยังมีร้านที่เปิดประมูลการขายรถยนต์มือสองยังไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่

และแต่ละร้านนั้นก็มีฐานลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามทางผู้บริหารของบริษัทแอพเพิล ออโต้ ออคชั่น มองว่าแนวโน้มการประมูลซื้อรถยนต์มือสองในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้นเป็น 75-80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดการประมูลรถมือสองออนไลน์นั้นอาจจะเพิ่มสูงขึ้นแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

 

สนับสนุนโดย.      ufabet เว็บแม่

ไทยรั้งท้าย เอฟทีเอ

ไทยรั้งท้าย เอฟทีเอ ไม่จูงใจลงทุน อีอีซี

การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือว่าEECให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ที่ปีละ5แสนล้านบาทนั้น.  ไทยรั้งท้าย เอฟทีเอ  นอกจากการส่งเสริมการลงทุนจากทางBOIทั้งในแง่ของภาษีและที่ไม่ใช่ภาษีแล้วอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในEECนั่นก็คือการเร่งออกไปทำข้อตกลงการค้าเสรีหรือว่าFTAกับต่างประชาติ

ซึ่งต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนั้นประเทศไทยยังคงเป็นรองในหลายประเทศในภูมิภาคอยู่และนั่นเองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้และถ้าเราไปดูก็จะพบว่าตลาดในประเทศไทยนั้นมีไม่ถึง70ล้านคนและไม่มากเพียงพอที่จะไปดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ

เพื่อรองรับตลาดภายในประเทศนั่นเอง เหมือนกับเวียดนามที่มีประชากร97ล้านคนขณะที่ฟิลิปปินส์มีจำนวน108ล้านคนและอินโดนีเซียมีมากกว่า270ล้านคน ดังนั้นจึงทำให้นักลงทุนที่จะเข้ามาในไทยจะมุ่งหวังการผลิตเพื่อส่งออกเป็นสำคัญเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน

โดยเครื่องมือหลักที่จะทำให้ไทยขยายตลาดการส่งออกได้มากขึ้นก็คือออกไปทำข้อตกลงFTAกับประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพื่อให้ได้เปรียบในการส่งออกมากกว่าประเทศที่ไม่มีFTA แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับจุดแข็งในด้านนี้

ประเทศไทยก็ยังคงตามห่างประเทศคู่แข่งในอาเซียนอีกมาก มีข้อมูลากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าในอาเซียนประเทศที่มีข้อตกลงFTAมากที่สุดอันดับหนึ่ง ได้แก่ สิงค์โปร มีข้อตกลงFTA 27ฉบับครอบคุมมากถึง 65 ประเทศและคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ95.63ของประเทศคู่ค้าในตลาดโลก

อันดับสองคือ เวียดนาม มีข้อตกลงFTA 15ฉบับครอบคุม54ประเทศ อันดับสาม มาเลเซีย มีข้อตกลงFTA 14ฉบับครอบคุม19ประเทศ อันดับสี่ ไทย มีข้อตกลงFTA 13ฉบับครอบคุม18ประเทศ อันดับห้า อินโดนีเซียมีข้อตกลงFTA 11ฉบับครอบคุม18ประเทศเท่ากับไทย และ อันดับหก ฟิลิปปินส์ มีข้อตกลงFTA 9ฉบับครอบคุม20ประเทศ

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้เห็นเจนว่าจำนวนประเทศที่ไทยมีข้อตกลงการค้าเสรีอยู่นั่นรั้งท้ายกลุ่มและคิดเป็นสัดส่วนประเทศคู่ค้าน้อยที่สุดนั่นทำให้ไทยมีจุดแข็งในการส่งออกน้อยกว่าประเทศคู่แข่งและถ้าดูในขณะของประชากรแล้วก็ยิ่งทำให้ไทยเสียเปรียบประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์มากขึ้น

เพราะว่าประเทศเหล่านี้มีทั้งตลาดในประเทศและตลาดขนาดส่งออกขนาดใหญ่กว่าไทย ในส่วนของตัวเลขการส่งออกประเทศในอาเซียนก็เป็นการสะท้อนถึงความได้เปรียบของประเทศที่มีข้อตกลงFTAเป็นจำนวนมาก โดยในปี2563ประเทศที่มียอดการส่งออกอันดับหนึ่งของอาเซียนคือสิงค์โปรและมีข้อตกลงFTAมากที่สุด

มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง12.34 แสนล้านบาท อันดับสอง เวียดนาม มีมูลค่าการส่งออก9.27ล้านบาท อันดับสาม มาเลเซีย มีมูลค่าการส่งออก 7.68ล้านบาท และ อันดับสี่ ไทยมีมูลค่าการส่งออก 7.55ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ข้อใหญ่ของรัฐบาลว่าจะมีความกล้าออกไปทำข้อตกลง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บแม่

โรงงานในนิคมอมตะเปิดทางให้ลาออก

โรงงานในนิคมอมตะเปิดทางให้ลาออก จ่ายชดเชยสูงสุด 37 เดือน เพราะไปต่อไม่ไหว

                 วันนี้มีข้อมูลออกมาจาก Facebook ที่ใช้ชื่อว่า อมตะซิตี้วันนี้  โดยมีการโพสต์ข้อความและรูปภาพเกี่ยวกับโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในนิคมอมตะซิตี้ได้มีการประกาศโครงการให้พนักงานสมัครใจลาออกหากใครต้องการจะลาออกซึ่งทางโรงงานได้มีการประกาศแจ้งกับทางพนักงานว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจของโรงงานที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของไวรัสทำให้โรงงานนั้น

จำเป็นต้องมีการลดจำนวนพนักงานลงซึ่งทางโรงงานนั้นได้ตัดสินใจที่จะจัดโครงการให้พนักงานนั้นตัดสินใจลาออกโดยเงื่อนไขว่าหากใครที่ลาออกทางโรงงานจะจ่ายเงินค่าชดเชยให้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพวกเงินเดือนหรือโอทีที่เคยทำมาและที่สร้างความน่าสนใจให้กับพนักงานในโรงงานนั่นก็คือการจ่ายเงินพิเศษให้กับพนักงานที่สมัครลาออกเอง

โดยมีการให้เงินชดเชยนี้ตามอายุงานซึ่งอายุงานที่ได้รับสูงสุดนั้นจะได้รับเงินชดเชยมากถึง 37 เดือนด้วยกันในขณะที่ขั้นต่ำก็ให้มากถึง 16 เดือนและยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับพนักงานที่ตัดสินใจลาออกจากทางโรงงานอีกหลายอย่างซึ่งสร้างความน่าสนใจให้กับพนักงานมาก

โดยทางโรงงานนั้นต้องการคนลาออกจากโรงงานอยู่ที่ 428 คนแต่พอพนักงานได้ทราบถึงเงื่อนไขและเงินชดเชยที่จะได้รับก็พากันต่อแถวพร้อมใจกันที่จะลาออกจากโรงงานทันทีซึ่งไม่ได้มีการนับจำนวนคนที่แน่นอนว่ามีคนไปยืนต่อแถวมากแค่ไหนแต่ที่มีการคดีจากสายตานั้นก็เกินกว่าที่ทางโรงงานตั้งค่าเอาไว้แน่นอน

            สำหรับโรงงานที่ได้รับผลกระทบรายได้มีการเปิดให้พนักงานสมัครใจในการลาออกในครั้งนี้เป็นโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตเกี่ยวกับสิ่งของที่ใช้ภายในตัวอาคารในสิ่งของนั้นระบุว่าเป็นการผลิตสิ่งอำนวยความสะดวกแต่ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นโรงงานไหน 

            สำหรับเงินชดเชยที่มีการออกให้กับพนักงานที่ตัดสินใจลาออกให้นั้นเรียกได้ว่าบริษัทนี้หรือโรงงานนี้จ่ายเงินชดเชยได้เยอะมากกว่าบริษัทอื่นๆที่เคยประกาศให้พนักงานตัดสินใจลาออกมาจึงทำให้ลูกจ้างที่ได้รับทราบโครงการนี้พากันยินยอมที่จะลาออกให้กับโรงงานนั่นเองเพราะว่าหลายคนมีแนวความคิดว่าถ้าออกตอนนี้โรงงานจะยังพอมีเงินจ่าย

แต่ถ้าหากยังทำงานต่อไปเรื่อยๆและเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นโรงงานยังได้รับผลกระทบอยู่อาจจะทำให้การลาออกในครั้งต่อไปจะได้เงินชดเชยได้ไม่มากเท่ากับครั้งนี้ดังนั้นถ้าดูจากข้อมูลแล้วจึงทำให้พนักงานหลายคนพร้อมใจกันที่ตัดสินใจลาออกในช่วงนี้นั่นเองเพราะส่วนใหญ่คงคิดเหมือนกันว่าออกตอนนี้ได้เงินชดเชยเยอะมากนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บแม่