ประจำเดือนไม่มา หรือภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea) เป็นปัญหาสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงในทุกช่วงวัย อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของฮอร์โมน โรคเรื้อรัง หรือวิถีชีวิตที่ไม่สมดุล การรักษาภาวะนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีทั้งการดูแลตนเองและการรักษาโดยแพทย์

ขั้นตอนแรก: การตรวจหาสาเหตุ วิธีการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพ

ก่อนที่จะเริ่มการรักษา จำเป็นต้องทราบสาเหตุของการขาดประจำเดือน ซึ่งแพทย์อาจทำการตรวจ  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน     ดังนี้:  

  1. ซักประวัติสุขภาพ: ตรวจสอบรอบเดือนก่อนหน้า น้ำหนัก การใช้ยาคุมกำเนิด และปัจจัยที่อาจส่งผลต่อฮอร์โมน เช่น ความเครียดหรือการออกกำลังกายหนัก  
  2. ตรวจร่างกาย:ตรวจดูว่ามีความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์หรือไม่  
  3. การตรวจเลือด: เพื่อวัดระดับฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน ฮอร์โมนไทรอยด์ และโปรแลคติน  
  4. อัลตราซาวด์: เพื่อตรวจสอบสภาพรังไข่และมดลูก  
  5. MRI หรือ CT Scan: หากสงสัยว่ามีเนื้องอกในสมองหรือความผิดปกติในต่อมใต้สมอง

 

การรักษาเมื่อประจำเดือนไม่มา

  1. การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ

– การปรับสมดุลวิถีชีวิต:  

  – ลดความเครียด: การทำสมาธิ การฝึกโยคะ หรือการใช้เทคนิคการผ่อนคลายช่วยลดความเครียดที่อาจรบกวนระบบฮอร์โมน  

  – ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเกินไปซึ่งอาจรบกวนการตกไข่  

  – ควบคุมน้ำหนัก: หากน้ำหนักต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป ควรปรับให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

– การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์:

  – เพิ่มโปรตีนและไขมันดี เช่น ปลา ไข่ และอะโวคาโด  

  – รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี เช่น ธัญพืชและถั่ว เพื่อช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน

 

  1. การรักษาด้วยยา

– ฮอร์โมนบำบัด:  หากเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน แพทย์อาจแนะนำยาปรับสมดุลฮอร์โมน เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน  

– ยารักษาโรคอื่น ๆ: หากมีปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์หรือโปรแลคติน แพทย์อาจให้ยาที่เหมาะสมกับโรคนั้น ๆ

 

  1. การรักษาภาวะเฉพาะทาง

– การรักษาภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS):

  อาจใช้ยาลดฮอร์โมนแอนโดรเจนหรือยากระตุ้นการตกไข่ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการมีบุตร  

– การรักษาเนื้องอก: 

  หากพบเนื้องอกในสมองหรือต่อมใต้สมอง อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือยา 

การดูแลตัวเองเพิ่มเติม

  1. หลีกเลี่ยงสารที่รบกวนฮอร์โมน: เช่น การสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก  
  2. ตรวจสุขภาพประจำปี: เพื่อป้องกันและรักษาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น  
  3. ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ:หากประจำเดือนไม่มานานเกิน 3 เดือน ควรรีบพบแพทย์

 

การรักษาประจำเดือนไม่มาขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน วิถีชีวิต หรือโรคบางอย่าง การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและการเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว

By admin