
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ได้กลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนในเมืองใหญ่ของไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ฝุ่น PM 2.5 ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและโรคเรื้อรังต่าง ๆ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของการพัฒนาเมืองที่ไม่สมดุล
นักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้นำปัญหาฝุ่นพิษนี้มาถ่ายทอดผ่านผลงานศิลปะที่มีชื่อว่า “เมือง-ฝุ่น” ซึ่งแสดงออกผ่านการวาดภาพลงบน หน้ากากอนามัย ผลงานชิ้นนี้ไม่ใช่เพียงการแสดงงานศิลปะเพื่อความสวยงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนปัญหาที่คนเมืองต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
หน้ากากอนามัย: สื่อกลางของปัญหาที่มองไม่เห็น
หน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ท่ามกลางวิกฤตฝุ่น PM 2.5 และศิลปินนักศึกษาได้ใช้สื่อนี้เป็นผืนผ้าใบในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ภาพวาดบนหน้ากากอนามัยสะท้อนให้เห็นทัศนียภาพของเมืองที่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควัน อาคารสูงที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาและความก้าวหน้ากลับกลายเป็นภาพที่หม่นหมองและเลือนรางภายใต้ชั้นฝุ่นหนาทึบ
ภาพบางส่วนแสดงให้เห็นผู้คนในเมืองที่ต้องสวมหน้ากากป้องกันตนเองตลอดเวลา ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นภาพของเด็ก ๆ ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตกลางแจ้งได้อย่างอิสระ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความเป็นจริงของปัญหาฝุ่นพิษ แต่ยังตั้งคำถามถึงอนาคตของคนเมืองหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข
ศิลปะเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกและการเปลี่ยนแปลง
“เมือง-ฝุ่น” ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงออกเชิงศิลปะ แต่ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือกระตุ้นจิตสำนึกของผู้ชมให้ตระหนักถึงผลกระทบของมลพิษทางอากาศและความจำเป็นในการหาทางแก้ไขปัญหานี้
งานศิลปะนี้ได้รับการจัดแสดงในพื้นที่สาธารณะ เช่น หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) และพื้นที่จัดแสดงศิลปะกลางแจ้ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตฝุ่น PM 2.5
นอกจากนี้ นักศึกษายังได้จัดกิจกรรมเชิงปฏิสัมพันธ์ (Interactive Art) โดยเชิญชวนให้ผู้เข้าชมนำหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วมาร่วมสร้างงานศิลปะขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นจำนวนหน้ากากอนามัยที่ถูกใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเพราะฝุ่นพิษ การใช้หน้ากากที่ถูกทิ้งแล้วในการสร้างงานศิลปะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น
ศิลปะที่พูดแทนปัญหาสิ่งแวดล้อม
ศิลปะ “เมือง-ฝุ่น” เป็นตัวอย่างของการนำศิลปะมาร่วมแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยศิลปินรุ่นใหม่เลือกใช้แนวทางการแสดงออกที่เข้าถึงง่ายและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของคนเมือง ผลงานนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงสภาวะปัจจุบันของสังคมเมือง แต่ยังช่วยปลุกกระแสให้สังคมหันมาตระหนักถึงปัญหาที่แฝงอยู่รอบตัว
“เมือง-ฝุ่น” เป็นมากกว่าผลงานศิลปะธรรมดา แต่เป็นเสียงสะท้อนของคนเมืองที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตฝุ่นพิษ PM 2.5 ทุกวัน ศิลปะชิ้นนี้ช่วยสร้างความตระหนักรู้และเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่การหาทางแก้ไขและสร้างเมืองที่มีความยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต เพราะศิลปะนั้นไม่ใช่เพียงการแสดงออกทางอารมณ์ แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง
สนับสนุนเรื่องราวโดย เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่
