App นิยาย Joylada กวาดรายได้ไตรมาสแรก เติบโต 77% 

              ในสมัยโบราณนั้นเรามักจะมีการอ่านนิยายจากหนังสือที่นักเขียนได้มีการแต่งแล้วส่งไปที่สำนักพิมพ์นำไปวางขายตามแผงขายหนังสือหรือตามร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้าแต่ปัจจุบันเนื่องจากว่าเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าดังนั้นจึงมีเว็บไซต์ที่มีการเขียนนิยายขายโดยผู้อ่านไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อหนังสือที่ร้านขายหนังสืออีกต่อไป

App นิยาย Joylada เพราะสามารถที่จะมีการอ่านผ่านทางเว็บไซต์ได้เลยเพียงแค่มีการจ่ายเงินในการอ่านนิยายในแต่ละตอน

           อย่างไรก็ตามปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่เว็บไซต์อย่างเดียวเท่านั้นแต่มีการสร้างเป็น Application ขึ้นมาเพื่อที่ผู้อ่านจะได้เข้าไปทำการเลือกได้ว่าอย่างที่จะอ่านนิยายของ Application ของสำนักพิมพ์ไหนซึ่งล่าสุดทาง Ookbeeก็ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับแอพนิยายที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ในตอนนี้ซึ่งก็คือ App นิยายของJoylada 

           เนื่องจากว่า แอปนิยาย Joylada ได้มีการเปิดโอกาสให้นักเขียนนั้นสามารถเข้าไปทำการแต่งนิยายและมีการแบ่งรายได้ให้กับนักเขียนซึ่งปัจจุบันนี้มีการให้ส่วนแบ่งของนักเขียนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าในช่วงไตรมาสแรกของ ปีพ.ศ. 2565 ปรากฏว่าได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างล้นหลามทำให้การเติบโตของแอปนิยายJoylada สูงถึง 70 7%

ทำให้เจ้าของแอปนั้นตัดสินใจที่จะมีการแบ่งรายได้ให้กับนักเขียนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก 20% ดังนั้นเมื่อบวกกับของเดิมแล้วนักเขียนนิยายจะสามารถได้รับส่วนแบ่งจากนิยายที่ตนเองเขียนลงภายในแอปJoylada ถึง 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว 

           รายการเปิดเผยข้อมูลของประธานบริหารของ App Joylada  มีการระบุว่าปัจจุบันลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีมากมีการดาวน์โหลดนิยายไปอ่านมากกว่า 10 ล้านครั้ง ดังนั้นทางผู้บริหารของ App Joylada  จึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้ลูกค้ายังคงหันมาสนใจ Application ของ Joylada อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้อ่านอยู่เสมอซึ่งในขณะนี้ Joylada ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้มี Content เยอะแยะมากมายภายใน Application

          สำหรับใครที่เคยเข้าไปทำการดาวน์โหลด App Joylada  หรืออาจจะเคยเข้าไปทำการอ่านนิยายภายในแอปดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีทั้งนิยายซึ่งเป็นผู้แต่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้วและยังมีนิยายซึ่งเป็นผู้แต่งน้องใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายร้อยบัญชีซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีนักศึกษาหลายคนที่หันมาสนใจแต่งนิยายขายผ่านทางแอพพลิเคชั่น

เพื่อหารายได้พิเศษและก็ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีส่งผลทำให้ในขณะนี้นิยายนั้นมีความเติบโตอย่างต่อเนื่องและข้อมูลของทาง App Joylada ก็สามารถสร้างรายได้เติบโตได้ถึง 77 เปอร์เซ็นต์ทั้งที่เป็นเพียงแค่ไตรมาสแรกเพียงเท่านั้นเอง   ดังนั้นถ้าหากใครอยากหารายได้เสริมก็สามารถเขียนนิยายและนำไปโพสต์ลงใน Application Joylada ได้เช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย    gclub

ยายสู้ชีวิต  พายเรือเก็บผักขายรายได้ 400 บาทต่อวัน

          ยายสู้ชีวิต  พายเรือเก็บผักขาย  สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการสู้ชีวิตของคุณยายท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนจังหวัดนครราชสีมาโดยคุณยายท่านนี้อายุ 67 ปีแล้ว

แต่ยังคงต้องทำงานหาเงินเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองและคนอื่นๆในครอบครัว  เนื่องจากว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าเป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพงเศรษฐกิจย่ำแย่ทำให้การทำงานรับจ้างทั่วไปนั้นบางวันก็มีงานทำและบางวันก็ไม่มีงานทำสิ่งที่สามารถทำได้มากที่สุดก็คือการหารายได้เสริมเพื่อเลี้ยงชีพของตนเองและคนในครอบครัว

          เนื่องจากคุณยายอายุสูงแล้วไม่สามารถที่จะไปรับจ้างเหมือนกับคนอื่นได้ดังนั้นอาชีพที่คุณยายสามารถหาเลี้ยงตนเองและคนอื่นๆในครอบครัวได้ก็คือการเก็บผักขายด้วยคุณยายไม่ได้มีพื้นที่มากนักดังนั้นจึงไม่ได้มีการปลูกผักเป็นของตนเองและนำไปขายแต่คุณยายอาศัยการเก็บผักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้วนำไปขายดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าคุณยายไม่ได้มีการลงทุนอะไรเพียงแค่โรงแรมเท่านั้นแต่ก็สามารถหาเงินมาเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวได้

         สำหรับอาชีพที่คุณยายใช้ในการหาเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวก็คือคุณยายจะมีการนำเรืออีโปงออกไปพายเรือ  gclub   ลำคลองต่างๆเพื่อทำการหาเก็บผักขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผักบุ้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  นอกจากนี้ยังมีผักชนิดอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายที่มักจะขึ้นตามริมคลองซึ่งสามารถเก็บได้เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของ

         สำหรับคุณยายที่เรากำลังพูดถึงชีวิตการหาเลี้ยงชีพตนเองนี้คือคุณยายเฉลียวซึ่งคุณยายนั้นอาศัยอยู่ในอำเภอพิมายมาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้วและอาศัยการเก็บผักในลำน้ำจักรราชเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและคนในครอบครัวมานานกว่า 20 ปีแล้วซึ่งคุณยายบอกว่า ทุกวันที่มีการพายเรือเพื่อมาทำการเก็บผักหรือผักบุ้งออกไปขายนั้นเมื่อนำผักไปขายก็ได้เงินมาจุนเจือครอบครัววันละ 300-400 บาทเลยทีเดียว 

           อย่างไรก็ตามคุณยายเฉลียวไม่ได้มีการพายเรือหาผักบุ้งเพียงแค่ภายในริมคลองเท่านั้นแต่ยังมีการเดินเลาะหาไปตามท้องทุ่งท้องนาและของคนอื่นซึ่งผักบุ้งนี้เป็นผักที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของโดยคุณยายจะมีการออกจากบ้านตั้งแต่ 07:00 น หลังจากนั้นจะกลับเข้าบ้านอีกทีก็คือช่วงเวลาประมาณ 15:00 น เมื่อใดผักบุ้งตามจำนวนที่คุณยายต้องการเรียบร้อยแล้วก็จะนำผักบุ้งใส่กระสอบกลับมาที่บ้านแล้วนำมาล้างทำความสะอาดและมัดเป็นกำหลังจากนั้นก็จะนำผักบุ้งที่มัดจำเสร็จเรียบร้อยแล้วไปวางขายในตลาดโดยส่วนใหญ่แล้วคุณยายจะขายในราคาถูกมากก็คือขายเพียงแค่กำละ 5 บาทเท่านั้นและตลาดที่คุณยายเฉลียวมากจะไปขายอยู่เป็นประจำก็คือตลาดไนท์บาซ่าพิมายนั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าคุณยายเฉลียวเป็นคุณยายที่สู้ชีวิตเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าคุณยายไม่มีต้นทุนในการประกอบธุรกิจเป็นของตนเองแต่เมื่อคุณยายมีความขยันและมีความอดทนคุณยายก็สามารถหาเงินเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวได้

ความเชื่อทางจิตใจ

ความเชื่อทางจิตใจ

ความเชื่อทางจิตใจ mental-belief เมื่อเวลาคนเราถึงทางตัน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้ สิ่งเดียวที่จะสามารถทำให้เราผ่อนคลายหรือรู้สึกดีขึ้นได้นั้น  คงหนีไม่พ้นการสวดมนต์หรือขอพรเพื่อเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ดังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่คนไทยทุกคนมองหาโอกาสและความหวังในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้ไวรัสโควิด19 ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอการแก้ปัญหาและแนวทางวิสัยทัศน์จากรัฐบาลว่าจะออกมาในรูปแบบใด

เพื่อให้ประชาชนได้รู้สึกว่าชีวิตของเรานั้นยังมีความปลอดภัยอยู่ และล่าสุดรัฐบาลไทยได้ออกนโยบายให้คนไทยหันมาสวดอ้อนวอนขอพรศักดิ์สิทธิ์ จากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อช่วยปัดเป่ารักษาและคลายทุกข์ให้กับประชาชน ซึ่งความเชื่อนี้ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกส่วนตัวบุคคลที่ไม่อาจก้าวก่ายหรือต่อว่ากันได้ 

ล่าสุดพระชื่อดัง ได้ออกมาบอกกล่าวมาทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของท่านว่า การสวดมนต์ไม่ช่วยขับไล่โรคระบาด หนำซ้ำจะทำให้มีการระบาดกันมากขึ้นเพราะมานั่งชุมนุมกันสวดมนต์ ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า ในสมัยโบราณตั้งแต่ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่สองนั้น ได้เกิดโรคระบาดที่ชื่อว่าโรคห่า ทำให้มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า สามหมื่นคน ซึ่งในขณะนั้น

ที่พระราชสำนักก็ได้ใช้วิธีการให้พระสงฆ์จำนวน ห้าร้อยรูป มานั่งสวดมนต์และพรมน้ำมนต์เพื่อขับไล่โรคระบาดนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นในพระบันทึกประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้ามิได้ทรงตรัสคำสั่งสอนไว้ให้แก้โรคภัยพวกนี้ เพราะโรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผี แต่เกิดขึ้นเพราะดินฟ้าอากาศ และความประพฤติที่อยู่ที่กินของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีวิญญาณจะให้ขับไล่ได้

การกระทำเช่นนี้ยังอาจจะทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นไปอีกกับพระสงฆ์ ทำไมคนโบราณยังเข้าใจ แต่พวกเราซึ่งเกิดในยุคสมัยใหม่นี้ ยังได้ลองทำในสิ่งที่คนโบราณทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จอีกเหล่า การอ้างเรื่องความไม่สบายใจก็เป็นส่วนหนึ่งของจิตใจ แต่การป้องกันระมัดระวังตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

ไม่อยากให้คิดว่าการที่จะเอาพระสงฆ์มานั่งสวดนี้ จะทำให้โรคไข้ไวรัสโควิด19 นี้จะหายไป เพราะถ้าจะให้ไข้ไวรัสนี้หายไปจริงๆ นั้น คนไทยต้องช่วยกันป้องกันจากตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายไปยังผู้อื่น ดังคำสอนที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นความเชื่อทางด้านจิตใจของส่วนบุคคล หากทำแล้วสบายใจก็ทำเถอะ แต่ก็ขอให้ยึดว่า ดูแลตัวเองให้ปลอดภัย และแข็งแรง เพื่อที่จะได้เป็นการป้องกันอีกทาง

 

สนับสนุนโดย  gclub