แนวโน้มทางประชากรศาสตร์และการแลกเปลี่ยน

แนวโน้มทางประชากรศาสตร์ เศรษฐกิจเกาหลีใต้เพิ่งเริ่มแสดงสัญญาณของความเป็นสากลที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าสู่ตลาดได้ สาเหตุหนึ่งมาจากข้อมูลประชากร หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชากรสูงอายุและจำนวนแรงงานที่ลดลง อัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำและอายุขัยที่เพิ่มขึ้นกำลังขับเคลื่อนแนวโน้มการสูงวัย เกาหลีใต้กำลังไล่ตามญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว

และคาดว่าประชากรสูงอายุจะถึง 42% ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2050 เกาหลีใต้จะต้องเปิดประตูรับแรงงานต่างชาติและธุรกิจเพื่อให้สามารถรักษาความเจริญรุ่งเรืองไว้ได้เมื่ออุปสงค์ในประเทศลดลง

แนวโน้มความเป็นสากลของเกาหลีใต้แสดงให้เห็นเพิ่มเติมจากจำนวนคนหนุ่มสาวเกาหลีที่กำลังศึกษาในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

การศึกษาภาษาอังกฤษถือเป็นสิ่งสำคัญมากในเกาหลีใต้ และชาวเกาหลีจำนวนมากใช้เวลาขยายเวลาในต่างประเทศเพื่อฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษของตน ปัจจุบันมีนักเรียนเกาหลีมากกว่า 100,000 คนในสหรัฐอเมริกา ทำให้เกาหลีเป็นประเทศที่ส่งนักเรียนมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการลดอุปสรรคทางภาษาและเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับบริษัทต่างชาติที่กำลังมองหาพนักงานที่พูดได้หลายภาษา

คนเกาหลีอายุน้อยกว่าได้เรียนรู้ถึงประโยชน์ของสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศและไม่ได้กีดกันในขอบเขตของคนรุ่นก่อนๆ ในขณะที่เศรษฐกิจพัฒนาขึ้นจากกลุ่มมหาเศรษฐี ความชื่นชมสำหรับพวกเขากลับลดลง ประโยชน์ของกลุ่มเศรษฐีต่อเศรษฐกิจและตลาดงานกำลังถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ คนเกาหลี โดยเฉพาะผู้ที่ใช้เวลาในต่างประเทศ มักจะมีแนวคิดใหม่ๆ

ที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับโอกาสในการจ้างงานของพวกเขา แม้ว่าการได้งานในมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงยังคงเป็นเป้าหมายหลักสำหรับผู้สำเร็จการศึกษารุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ ขณะนี้มีนักศึกษาจำนวนน้อยแต่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังมองหาการจ้างงานในกลุ่มสตาร์ทอัพ บางคนถึงกับคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ผู้ประกอบการเหล่านี้ต่อต้านค่านิยมดั้งเดิมในประเทศที่ตำแหน่งงานเป็นตัวชี้วัดหลักของความสำเร็จ คนรุ่นใหม่ยังรับเอาวัฒนธรรมการทำงานแบบตะวันตกเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

หลายคนมักจะให้ความสำคัญกับชีวิตการทำงานที่สมดุลมากกว่าการที่พนักงานต้องทำงานเป็นเวลานาน จากการสำรวจที่ดำเนินการในปี 2565 ผลประโยชน์ของบริษัท วัฒนธรรม และที่ตั้งสำนักงานเป็นปัจจัยการพิจารณาสามอันดับแรกในแอปพลิเคชัน Generation-Z ในขณะที่การชดเชยได้คะแนนที่สี่ในรายการ 

ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในปี 2018 คณะกรรมการสมัชชาแห่งชาติด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงานได้ผ่านกฎหมายให้จำกัดชั่วโมงการทำงานรายสัปดาห์เป็น การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นว่าการให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานในสังคมจะท้าทายค่านิยมดั้งเดิมในประเทศและค่านิยมของคนในการเลือกงานอย่างไรก็ตามแนวคิดนี้นั้นก็มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นและการเลือกงานมากขึ้นตามระดับความสามารถเช่นกันและดูเหมือนว่าสิ่งที่สามารถทำเงินให้ได้มากกว่าในปัจจุบันและยังมีความมั่นคงทางด้านอาชีพนั้นจะไม่ใช้เพียงการทำงานประจำเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บไหนแตกดี

เอสเอ็มอีถูกโจมตีจากไซเบอร์มีผลกระทบหนัก

ในช่วงโควิดที่ผ่านมาปัญหาที่พบของบรรดา SME ถูกโจมตีจากไซเบอร์ความเสียหายต้องบอกเลยหลายล้านบาททีเดียวแล้วตอนนี้ได้พูดถึงกันในระดับโลกก็เจอกันหนักมากหลายคนบอกมันเป็นเฉพาะเรื่องของบริษัทใหญ่มันไม่ใช่แล้วมีโอกาสโดนหมดเราต้องรีบป้องกัน

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเลยโดยเฉพาะภาคธุรกิจต่างๆ เนื่องจากว่ามันมีผลสำรวจในช่วงโควิด-19 ที่ผ่ามามันพึ่งจะเกิดโควิด-19 เมื่อปี 63 เองปรากฏว่าช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเขาบอกว่า SME ไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์สูงขึ้นแล้วได้สร้างความเสียหายต้องบอกเลยว่าจำนวนเงินสูงมากพอสมควร

นอกจากนี้ทางผู้ประกอบการ smeซิโก้ประเทศไทยมีการเปิดเผยถึงผลเกี่ยวกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้สำหรับ SME เขาบอกว่ามาดูตัวเลขกันเลย sme ของไทยร้อยละ 65% ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง12 เดือนที่ผ่านมาและแบ่งเป็นการถูกโจมตีด้วย มัลแวร์ ร้อยละ 91% และถูกโจมตีด้วย ฟิชชิ่ง ร้อยละ 77% ก็ไม่หนีกันเท่าไหร่

โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิด-19 ถ้าเราเห็นจริงๆแล้วมันมีความเสี่ยงอยู่อย่างหนึ่งก็คือหลายคนทำงานอยู่ที่บ้านคือปกติถ้าเป็นบริษัทใหญ่หน่อยเขาจะมีคอมพิวเตอร์ของบริษัทเลยแล้วมีระบบปกกันของบริษัทเขายังมีชั้นในการป้องกันแต่พอมาเป็นบริษัทขนาดกลางขนาดเล็กอาจจะไม่ได้ลงทุนตรงนี้มากมายนัก

พอเราเอาคอมพิวเตอร์ส่วนตัวมาทำที่บ้านกดนั่นกดนี่ตรงนี้เป็นความเสี่ยงเลย การถูกโจมตีทางไซเบอร์เป็นเรื่องสำคัญในแวดวงธุรกิจแล้วก็ผู้ประกอบการไทยด้วยที่สำคัญเราจะต้องไปดูรูปแบบของผลกระทบที่เกิดขึ้นเขาบอกว่ามีตัวเลขsmeจำนวนร้อยละ 47% ถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้รับความเสียหายทางธุรกิจที่เขาคิดเป็นมูลค่าอยู่ที่5แสนเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินบาทประมาณ 16 ล้านบาท

ซึ่งดูเหมือนตัวเลขจะไม่ได้เยอะอะไรมากมายแต่เมื่อเทียบกับรายได้ที่เจอกับวิกฤตโควิด-19 หายไปขนาดนี้หลายคนยกผ้าขาวได้เลยดังนั้นตรงนี้ถือว่าสำคัญ ในขณะเดียวกันร้อยละ 28 ได้รับความเสียหายไป 1 ล้านดอลลาร์คิดเป็นเงินบาทก็คือประมาร 33 ล้านบาท

ถ้าไปดูไส้ในบริษัทข้อมูลในความเสียหายรูปแบบมันเป็นอย่างไรร้อยละ 76 เป็นการสูญเสียข้อมูลของลูกค้าเราจะได้คิดได้ข่าวกันบ่อยถือเป็นประเด็นแรกๆที่เจอกันและจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้วย

ส่วนถัดมาร้อยละ 69 สูญเสียข้อมูลพนักงานและร้อยละ 65 เป็นการสูญเสียข้อมูลองค์กรแล้วก็ร้อยละ 57 สูญเสียข้อมูลการเงินร้อยละ 56 ปรากฎว่าทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักแล้วก็ร้อยละ 53 สูญเสียทรัพย์สินทางปัญญาและร้อยละ 49 เป็นการสูญเสียข้อมูลทางธุรกิจนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บไหนแตกดี