เอกชนช่วยตรึงราคา เมื่อกำลังซื้อลดลง

สำหรับเรื่องวิกฤตยุโรปตะวันออกอย่างที่ทางยูเครนเองและทางรัสเซียเองเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นโดยในปัจจัยตรงนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อการตึงราคาพลังงานโลกด้วย ในขณะเดียวกันทางภาคฝั่งเอกชนเองเขาได้บอกว่าได้พยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยตึงราคาเขาเข้าใจหัวอกบรรดาผู้บริโภคชาวไทยดีว่าตอนนี้สถานการณ์มันเศรษฐกิจมันชะลอมากขนาดไหน 

ดังนั้นการที่จะไปขึ้นราคาตามต้นทุนจริงๆแล้วเขาก็อยากขึ้นเพราะว่าบางธุรกิจนั้นมันไม่ไหวแล้ว แต่พอหักจะไปขึ้นเลยผู้บริโภคเองก็ไม่ไหวเช่นเดียวกันที่นี่ก็เลยไปสอบถามต่อว่าแล้วภาคเอกชนเขาสามารถตึงได้นานสักแค่ไหน ร้อยละ 40 เขาบอกว่าได้แค่1-2 เดือน หลังจากนั้นว่ากันอีกทีไม่รู้จะไหวหรือเปล่า ร้อยละ 3.7 บอกว่า ได้ประมาณ 3-4 เดือน ถ้ามากกว่า 6 เดือนมีมากน้อยแค่ไหน

ในขณะที่ร้อยละ 16.7 บอกว่าได้มากกว่า 6 เดือนในขณะที่ร้อยละ 12.6 บอกว่าได้ 5-6 เดือนนั่นแปลว่าส่วนใหญ่จะได้อยู่ที่ 1-2 เดือนหลังจากนั้นก็อาจจะไม่ไหวแล้วนั่นก็อาจจะเป็นที่มาถึงข้อเสนอแนะต่างๆว่าจะมีแนวทางปรับตัวกันอย่างไร 

เมื่อกำลังซื้อของประชาชนลดน้อยถอยลงไปอย่างแรกเป็นเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในเมื่อทางฝั่งขอรายได้ค่อนข้างที่จะยากลำบาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้รีดประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด ซึ่งเทคโนโลยีในทุกวันนี้ก็มีการพัฒนาไปไกลมากๆบางซอฟต์แวร์เราอาจจะจ่ายแค่หลักร้อยเราก็สามารถที่จะใช้ซอฟต์แวร์ระดับโลกได้แล้วระบบ Cloud เองก็เช่นเดียวกัน 

แม้กระทั่งโรงงานก็อาจจะมีการใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยซึ่งแน่นอนก็จะแก้ไขปัญหาเรื่องของแรงงานค่าแรงที่อาจจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นไปประสิทธิภาพก็ในระยะยาวก็จะดีขึ้นอันนี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีในการแก้ไขปัญหาในช่วงเหล่านี้

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของการบริหารต้นทุนไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆสามารถประหยัดต้นทุนด้วยการใช้วิธีคลายเส้นบ้างแบบลีนบ้างหรือจะไปปรับกลยุทธ์เน้นการตลาดก็ได้ไปดูตลาดต่างประเทศบ้างไหม 

เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจของเราหรือเพิ่มช่องทางขายทางออนไลน์อันนี้ก็น่าสนใจเพราะว่าปกติแล้วก่อนโควิดเราอาจจะบอกว่าออนไลน์เป็นแค่ทางเลือกใช่หรือไม่แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกแล้วแต่เป็นทางรอดอาจจะต้องผนวกทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้ามาในธุรกิจของตัวเอง

เมื่อพอไปถามบรรดาผู้บริหารกิจการและบรรดาผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่าจะมีมาตรการไหนบ้างที่น่าจะพอช่วยเหลือและทำให้ผู้ประกอบการนั้นอยู่รอดได้ในสภาวะแบบนี้และจะมีวิธีแก้ไขกันอย่างไร

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      ีดฟิำะ

เดลิเวอรี่อาหาร แบบผูกปิ่นโต กับดับบาเวโล ธุรกิจส่งอาหาร

 

จากภาพยนตร์ประเทศอินเดียเรื่อง The Lunch Box ปี 2557 ซึ่งเป็นชนวนนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่กลายเป็นเชื่อมโยงระหว่าง เฟอร์นานเดส นักบัญชีผู้ใช้ชีวิตสันโดษ กับอิลา หญิงสาวผู้ถูกสามีเย็นชาก็เลยบากบั่นเรียกร้องความพึงพอใจด้วยเสน่ห์ปลายจวัก

ถ้าแม้กระนั้นก็เปลี่ยนเป็นอาหารกลางวันนถูกส่งไปให้เด็กหนุ่มผิดคน ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ไม่เพียงแต่นำรอยยิ้มและก็ความลึกซึ่งมาให้ผู้ชม แม้กระนั้นยังส่งผลให้พวกเราได้ทราบว่าอาชีพยอดนิยมที่เมืองมุมไบ ก็คือ ดับบาวาลา (Dabbawala) ที่ย่อจาก Dabba ที่แสดงว่า ปิ่นโต จึงสร้างระบบคมนาคมของกินผ่านปิ่นโตที่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

เดลิเวอรี่อาหาร แบบผูกปิ่นโต ธุรกิจนี้ได้รับไอเดียมาจากการส่งของกินของ Dabbawala ในเมืองมุมไบ ซึ่งเดี๋ยวนี้ยังมีประชาชนกว่าห้าพันชีวิต ยึดอาชีพการส่งปิ่นโต

เพื่อหาเงินเลี้ยงชีวิต แต่ละวันดำเนินงาน ก่อนสิบนาฬิกาเช้าตรู่ ผู้คนจะทำการไปรับปิ่นโตตามบ้านต่าง ๆ ซึ่งโดยมากเป็นภรรยาที่อยากส่งมื้ออาหารที่ทำเองไปให้สามีที่ไปปฏิบัติงานในเมือง ต่อจากนั้นปิ่นโตจะถูกขนส่งขึ้นรถไฟไปให้ ดับบาวาลา  อีกทอดหนึ่ง

ซึ่งรออยู่จุดหมาย แล้วก็ส่งต่อไปยังที่ทำการในเมือง เมื่อสำเร็จมื้อเที่ยงตรง ปิ่นโตทั้งปวงจะถูกจัดเก็บส่งกลับต้นทาง ซึ่งนำกลับมาใช้ซ้ำในพรุ่งนี้ นับเป็นระบบการขนส่งที่น่าทึ่งตรงที่จังหวะบกพร่องมีเกิดขึ้นน้อยมาก จากสถิติก่อนหน้านี้พบว่า การส่งเดลิเวอรี่นี้มีการส่งผิดในการส่งปิ่นโตของดับบาวาลา มีเพียงแค่หนึ่งครั้งจากสิบหกล้านครั้งเพียงแค่นั้น

ไมค์ ดิแอซ กรรมการผู้จัดการดับบาเวโล แอพพลิเคชั่นเดริเวอรี่อาหารแบบปิ่นโต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดขยะพลาสติก พูดว่า แนวความคิดการเลือกแพคเกจจิ้งใช้ซ้ำใกล้เคียงกับในมุมไบนั้น จะเป็นเฟืองช่วยปฏิรูปแวดวงจัดส่งของกินในเมืองซูริก ให้มีความมั่นคงยั่งยืนและก็เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อมมากเพิ่มขึ้น

เขาและก็คณะทำงานก็เลยอุตสาหะเชื่อมพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ กับห้องอาหารทั่วทั้งเมืองที่อยากส่งต่อของกินภายใต้ความตั้งอกตั้งใจเดียวกัน

แต่ว่าปัญหาที่เจอเป็นห้องอาหารส่วนมากไม่ต้องการที่จะอยากแบกรับภาระเรื่องทุนสำหรับการจัดซื้อปิ่นโต ทำให้ในตอนแรกของการเปิดใช้แอพฯ มีตัวเลือกร้านอาหารไม่มากเท่าไรนัก ประกอบกับในตอนเริ่มธุรกิจดับบาเวโลเองก็ไม่มีงบสำหรับจัดซื้อปิ่นโตให้กับร้านขายของเหมือนกัน

จนกระทั่งตอนต้นปี 2564 ดับบาเวโลได้เปิดระดมทุนประมาณ 1 ล้านบาท ผ่านเว็บ wemakeit.com ช่องทางที่มีไว้เพื่อการระดมทุนสำหรับธุรกิจใหม่ที่ดีทางสังคม เพื่อนำเงินลงทุนมาจัดซื้อปิ่นโตส่งให้ห้องอาหารต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง แล้วก็การระดมทุนในตอนนั้นก็ทำให้เดี๋ยวนี้เริ่มมีห้องอาหารพาร์ทเนอร์หลายสไตล์ หลายเชื้อชาติตกลงปลงใจให้ลูกค้าได้เลือกผูกปิ่นโตแล้วก็ สั่งอาหารผ่านแอพฯ ดับบาเวโลเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    สมัคร Gclub

เข้าสู่วงการออนไลน์ของธุรกิจอย่าง Gucci, Tommy Hilfiger และ Ralph Lauren

การปรับตัวของการขายของรูปแบบใหม่ที่เป็นกระแสและมาแรงมากขึ้นแบบก้าวกระโดดจากเมื่อก่อน เข้าสู่วงการออนไลน์ของธุรกิจ เมื่อเกิดปรากฏการณ์โรคระบาดทั่วโลก ทำให้การขายของออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น และถือเป็นหัวใจสำหรับการขายของในทุกวันนี้ ยกตัวอย่างแบรนด์ที่มีการปรับตัว

 

มีWebsiteรูปแบบใหม่ของดีไซเนอร์แบรนด์โด่งดัง Carolina Herrera แฟชั่นดีไซเนอร์ โชว์รายการของต่าง ๆ

ด้วยภาพเคลื่อนไหวและก็คลิปวิดีโอที่จูงใจ พรีเซนเทชั่นการทดสอบผลิตภัณฑ์โดยใช้ AR รวมทั้งมีหน้าตาการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์หรือบริการตามสิ่งที่จำเป็นเฉพาะของลูกค้าได้อย่างน่าดึงดูด แบรนด์หรูจากอิตาลี Gucci เริ่มต้นให้บริการที่ดีโดยตอบบทสนทนาของลูกค้าแบบตัวต่อตัว บริการนัดพบช้อปปิ้งสุดพิเศษกับพนักงานประจำร้านค้าผ่านวิดีโอคอล

จากStoreโดยตรง ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นเป็นการเปิดให้ผู้คนได้มาเยี่ยมชม Gucci Garden ได้พื้นที่ที่สร้างผลงานของแบรนด์ได้แบบเหมือนจริง ซึ่งมีโซนร้าน ร้านจำหน่ายหนังสือ  เชิญชวนละลานตาเช่นได้เข้าไปสู่ยูนิเวิร์สอันน่าอภิรมย์ของแบรนด์แบบเป็นส่วนตัว

ทางด้านร้านขายของที่จัดโชว์ผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์อย่าง Tommy Hilfiger ดีไซเนอร์แบรนด์ระดับยอดเยี่ยมจากอเมริกา ในตอนเทศกาลวันหยุดยาวติดต่อการจำนวนหลายวันเมื่อสิ้นปีที่แล้ว

มีการออกแบบห้องต่าง ๆ ด้วยโทนสีหลัก3 สีของแบรนด์ ห้องที่โดดเด่นที่ดูราวกับว่าได้มาที่ร้านจริง โชว์ทั้งยังผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถเลือกช้อปปิ้งได้บนชั้นวาง ตกแต่งลูกเล่นด้วยพรมดิจิทัล เพิ่มอรรถรสโดยใส่ดนตรีเข้าไปในตอนเทศกาลต่าง ๆ ที่เปิดเบา ๆ  Ufabet เข้าสู่ระบบ  แล้วก็การประดับประดาไฟอันสวยสดงดงาม แต่ว่าที่ต่างจากร้านค้าของแบรนด์ในStoreหรือห้าง เป็นการมีห้องหิมะ

ซึ่งมีหิมะโปรยลงมากองบนพื้น และก็ในห้องนั้น ค่อนข้างพิเศษที่ให้ลูกค้าเข้ามาได้ทีละน้อยไม่แออัด และแบรนด์อย่าง Ralph Lauren ก็ไม่ได้แตกต่างไปที่ให้โอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าเยี่ยมชมStore ที่เหมือนจริงที่มีอยู่หลายสาขาทั่วทั้งโลก ออกแบบให้มีรูปแบบใหม่ ๆ

สำหรับเพื่อการพรีเซ็นท์ ซึ่งรวมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ อย่างการดนตรีเปิดคลอ เพื่อเย้ายวนใจลูกค้าให้เข้ามาใช้งานชมแบรนด์ สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่โดยการช้อปปิ้งทางออนไลน์อย่างใกล้ชิด โดยทางทีมหวังว่าเมื่อผ่านช่วงการระบาดของโรคไปแล้ว หรือเบาบางลง จะมีผู้คนเข้ามาใช้บริการStoreเหมือนจริงของแบรนด์มากขึ้นจำนวนไม่ใช่น้อย

และนี่คือการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปของธุรกิจการขายของแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งกับกลายเป็นว่าเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เกิดการพัฒนามากขึ้น เพื่อความอยู่รอดของแบรนด์ตัวเอง ซึ่งเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ