ความเชื่อทางจิตใจ

ความเชื่อทางจิตใจ

ความเชื่อทางจิตใจ mental-belief เมื่อเวลาคนเราถึงทางตัน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้ สิ่งเดียวที่จะสามารถทำให้เราผ่อนคลายหรือรู้สึกดีขึ้นได้นั้น  คงหนีไม่พ้นการสวดมนต์หรือขอพรเพื่อเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ดังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่คนไทยทุกคนมองหาโอกาสและความหวังในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้ไวรัสโควิด19 ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอการแก้ปัญหาและแนวทางวิสัยทัศน์จากรัฐบาลว่าจะออกมาในรูปแบบใด

เพื่อให้ประชาชนได้รู้สึกว่าชีวิตของเรานั้นยังมีความปลอดภัยอยู่ และล่าสุดรัฐบาลไทยได้ออกนโยบายให้คนไทยหันมาสวดอ้อนวอนขอพรศักดิ์สิทธิ์ จากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อช่วยปัดเป่ารักษาและคลายทุกข์ให้กับประชาชน ซึ่งความเชื่อนี้ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกส่วนตัวบุคคลที่ไม่อาจก้าวก่ายหรือต่อว่ากันได้ 

ล่าสุดพระชื่อดัง ได้ออกมาบอกกล่าวมาทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของท่านว่า การสวดมนต์ไม่ช่วยขับไล่โรคระบาด หนำซ้ำจะทำให้มีการระบาดกันมากขึ้นเพราะมานั่งชุมนุมกันสวดมนต์ ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า ในสมัยโบราณตั้งแต่ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่สองนั้น ได้เกิดโรคระบาดที่ชื่อว่าโรคห่า ทำให้มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า สามหมื่นคน ซึ่งในขณะนั้น

ที่พระราชสำนักก็ได้ใช้วิธีการให้พระสงฆ์จำนวน ห้าร้อยรูป มานั่งสวดมนต์และพรมน้ำมนต์เพื่อขับไล่โรคระบาดนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นในพระบันทึกประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้ามิได้ทรงตรัสคำสั่งสอนไว้ให้แก้โรคภัยพวกนี้ เพราะโรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผี แต่เกิดขึ้นเพราะดินฟ้าอากาศ และความประพฤติที่อยู่ที่กินของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีวิญญาณจะให้ขับไล่ได้

การกระทำเช่นนี้ยังอาจจะทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นไปอีกกับพระสงฆ์ ทำไมคนโบราณยังเข้าใจ แต่พวกเราซึ่งเกิดในยุคสมัยใหม่นี้ ยังได้ลองทำในสิ่งที่คนโบราณทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จอีกเหล่า การอ้างเรื่องความไม่สบายใจก็เป็นส่วนหนึ่งของจิตใจ แต่การป้องกันระมัดระวังตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

ไม่อยากให้คิดว่าการที่จะเอาพระสงฆ์มานั่งสวดนี้ จะทำให้โรคไข้ไวรัสโควิด19 นี้จะหายไป เพราะถ้าจะให้ไข้ไวรัสนี้หายไปจริงๆ นั้น คนไทยต้องช่วยกันป้องกันจากตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายไปยังผู้อื่น ดังคำสอนที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นความเชื่อทางด้านจิตใจของส่วนบุคคล หากทำแล้วสบายใจก็ทำเถอะ แต่ก็ขอให้ยึดว่า ดูแลตัวเองให้ปลอดภัย และแข็งแรง เพื่อที่จะได้เป็นการป้องกันอีกทาง

 

สนับสนุนโดย  gclub

ยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน

การหาทางอยู่รอดกับยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน

ยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน economic-age ในเศรษฐกิจอย่างนี้หลายคนคงหาวิถีทางที่จะหารายได้กันวุ่นวายไปหมด เพราะยิ่งเศรษฐกิจแย่ทุกคนต่างก็พากันลำบากด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตในด้านของความเป็นอยู่ และที่สำคัญการเงินที่กระท่อนกระแท่นกันแทบทุกครอบครัว ทำให้เกิดมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก ดูชีวิตวุนวายเป็นอย่างหนัก 

หาวิถีทางในการเพิ่มรายได้ 

อันที่จริงจะบอกหรือให้แนะนำว่าควรขายของหรือสินค้าของตนเองก็คงต้องพูดว่าจะขายได้หรือไม่ เพราะการขายของมันมีให้เห็นกันเกลื่อนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นขายของกิน หรือขายของใช้ ต่างก็มีขายให้เกลื่อนตลาด เพราะคนทุกคนมีความคิดเหมือนกับเราอย่างเช่นหาอะไรทำง่ายๆเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม 

แต่ละวันเหนื่อยกับการหาเงินไม่อยากโทษที่เศรษฐกิจ แต่มันก็คือความจริง เพราะเศรษฐกิจอย่างนี้ จึงทำให้พวกเราได้ประสบปัญหาต่างๆเหล่านี้ ดังนั้นการที่พวกเราตกอยู่ในเศรษฐกิจอย่างนี้ก็ไปแปลกที่เราจะมีการต่อว่าผู้บริหารต่างๆที่ทำให้พวทกเราเดือดร้อนตามๆกันไป

การหารายได้เริ่มจากอะไรดีที่สุด 

สำหรับการหารายเพิ่มโดยไม่อยากลงทุนเพิ่ม เราควรหาอะไรที่บ้านของเรามี เริ่มจากไม่ลงทุนอะไรเลย อย่างเช่นหากที่บ้านมีต้นไม้ก็เริ่มจากการนำต้นไม้แยก จัดใส่กระถางให้สวยงามแล้วนำมาขาย หรืออาจจะเป็นหาเสื้อผ้าที่เราไม่ใช้หรือใส่ไม่ได้แล้ว นำมาวางขาย โดยหาขายตามพื้นที่ๆมีคนเดินผ่านจะทำให้ขายดียิ่งขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งก็ทำได้ด้วยวิธีการขายอาหาร แต่สำหรับวิธีนี้ต้องเป็นวิธีที่คนที่คิดจะทำต้องมีฝีมือด้วยนะ เพราะการขายนั้นมันย่อมใช้ฝีมือถึงจะเรียกลูกค้าได้ หากทำอร่อยก็การันตีการขายได้อีกด้วย

ในเศรษฐกิจอย่างนี้ต้องบอกว่าการใช้ชีวิตต้องวางแผนเรื่องของการเงินให้ดี เพราะอาจจะทำให้เราแย่ได้หากไม่มีการวางแผนทั้งหลายเหล่านี้ อาจจะทำให้คุณชักหน้าไม่ถึงหลังได้ สำหรับบางคนอาจจะต้องไปกู้ยืมเพื่อมาใช้จ่ายกันเลย ดังนั้นการวางแผนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญกับยุคในเศรษฐกิจแบบนี้แน่นอน 

หากคุณเป็นอีกหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มที่กำลังย่ำแย่ณะตอนนี้

คุณควรวางแผนให้กับชีวิตให้ดี เพื่อความอยู่รอด เพื่อรอให้ผู้บริหารบ้านเมืองทำให้ดีขึ้น แต่จะมีใครบ้างที่จะรอถึงวันนั้นได้ เพราะเราต่างก็รู้ดีว่าในการรายงานข่าวในแต่ละวันนั้น มีแต่ข่าวฆ่าตัวตายเพราะเครียด หรือเป็นโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น และยังมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่เป็นเหตุอีกด้วย 

การดูแลและวางแผนตนเองในยุคเศรษฐกิจแบบนี้เป็นเรื่องจำเป็นมากนะคะ คุณควรดูแลตนเองและคนรอบข้างให้ดี เพราะส่วนใหญ่ก็เครียดและเป็นโรคซึมเศร้ากันสพเสียส่วนใหญ่แล้ว