อนุมัติ รถร่วมบริการ บขส. ขึ้นค่าโดยสาร  กิโลเมตรละ 5 สตางค์ 

             หลังจากที่ประเทศไทยกำลังเจอสภาวะปัญหาน้ำมันแพงและยังคงแพงอย่างต่อเนื่องส่งผลทำให้สินค้าหลายรายการทยอยมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นซึ่งทางด้านการขนส่งและการโดยสารรถสาธารณะนั้นก็มีการเพิ่มข้อเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องของการเพิ่มค่าขนส่งเช่นเดียวกันเนื่องจากว่ารถโดยสารนั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีการเติมน้ำมันที่แพงขึ้นแต่หากยังคงเรียกเก็บค่าโดยสารเท่าเดิมก็จะทำให้ขาดทุนและไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

         อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทางกลุ่มรถโดยสารจะมีการติดต่อเพื่อทำการขอเพิ่มค่าโดยสารมาแล้วต่อหลายครั้งแต่ก็ยังมีการชะลอไม่ให้มีการปรับเพิ่มค่าโดยสาร

เพราะต้องการที่จะช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้  จนล่าสุดมีปัญหาเรื่องของรถโดยสารมีมาวิ่งให้บริการลูกค้าน้อยลงโดยทางเจ้าของกิจการรถโดยสารให้ข้อมูลว่าเนื่องจากค่าโดยสารแพงจึงไม่สามารถที่จะนำรถออกมาวิ่งได้ทุกคันได้นอกจากนี้ยังขาดแคลนบุคลากรในการขับรถโดยสารเพื่อทำการรับส่งผู้โดยสารอีกด้วย

          ล่าสุดทางด้านข้างคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกได้มีการประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะอนุมัติให้รถร่วมบริการ บขส.สามารถมีการเพิ่มค่าโดยสารได้โดยมีการกำหนดการเพิ่มค่าโดยสารให้เพิ่มกิโลเมตรละ 5สตางค์ซึ่งการเพิ่มในครั้งนี้นั้นจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 4 เดือนกรกฎาคม ปีพ.ศ. 2565 เป็นต้นไป   ส่วนทางด้านรถ บขส. นั้นตอนนี้จะยังไม่สามารถทำการปรับเพิ่มราคาค่าโดยสารได้โดยทางกรมการขนส่งทางบกอยากจะขอตรึ่งราคาค่าโดยสารเอาไว้ต่ออีก 3 เดือน 

         สำหรับเรื่องของการอนุมัติรถร่วมบริการในการขึ้นค่าโดยสารนั้นได้มีการประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่มีการประชุมกันไปเมื่อวันที่ 28 เดือนมิถุนายนปีพศ. 2565

ซึ่งในที่ประชุมก็ได้มีการเห็นชอบตรงกันว่าสามารถที่จะอนุมัติให้รถร่วมบริการบขสนั้นทำการเพิ่มราคาค่าโดยสารได้เนื่องจากว่าราคาที่มีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆซึ่งมีการเปรียบเทียบเกี่ยวกับเรื่องของค่าโดยสารในอดีตกับคาราคาน้ำมันในอดีตเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับค่าโดยสารปัจจุบันกับราคาน้ำมันในปัจจุบันแล้วเร่งเห็นตรงกันว่าจำเป็นที่จะต้องมีการอนุมัติให้รถร่วมบริการบขสมีการปรับเพิ่มราคาค่าโดยสารเนื่องจากว่าในขณะนี้น้ำมันดีเซลนั้นราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งปัจจุบันขึ้นมาเป็นลิตรละ 35 บาทแล้วซึ่งมันผลกระทบโดยตรงต่อผู้ให้บริการรถร่วม

           นอกจากนี้ถ้าหากว่ายังไม่มีการอนุมัติให้มีการปรับเพิ่มค่าโดยสารเชื่อว่าประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากว่ากลุ่มรถร่วมบริการบขสจะต้องมีการประท้วงในการหยุดเที่ยววิ่งและมีการปรับลดจำนวนรถโดยสารลงไปอีกดังนั้นทางที่ดีก็คือจะมีการปรับเพิ่มค่าโดยสารให้โดยเป็นการปรับค่าโดยสารให้กับรถร่วมให้บริการบขสแบบเท่าทุนโดยคิดเป็นอัตรา 5 สตางค์ต่อกิโลเมตร นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet

ส่งออกผลไม้จีนสั่งคุมเข้มเรื่องโควิด-19

ส่งออกผลไม้จีน นอกจากนี้เรามาดูเส้นทางใหม่ส่งทุเรียนไปประเทศจีนจะไปทางไหนดีเขาบอกว่าหน้าทุเรียนของภาคตะวันออกที่จะเริ่มมีผลผลิตส่งออกสู่ตลาดในอีก 2 เดือนข้างหน้า

คาดว่าผลผลิตทุเรียนและมังคุดปีนี้ไม่น้อยกว่า 9 แสนตัน ทางกรมวิชาการเกษตรได้หารือกับผู้ประกอบการว่าจะส่งผลไม้ไปจีนผ่านประเทศที่ 3 ได้สะดวกขึ้นไปทางไหน 

โดยทางด่านแรกไปทางเรือผ่านด่านไฮฟองประเทศเวียดนามเพื่อนำเข้าสินค้าเข้าที่ท่าเรือชินโจเข้าประเทศจีนแล้วก็ที่สำคัญก่อนหน้านี้เองมันมีประเด็นเล็กๆแต่ว่าผลกระทบไม่เล็กเลยก็คือ

ในแง่ของประเทศไทยมีการส่งออกผลไม้แล้วก็ไปทางฝั่งประเทศจีนแล้วก็มีประเด็นว่าบางส่วนอาจจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของCovid 19 คุมเข้มเป็นอย่างมาก

 

เพราะว่าทางฝั่งของประเทศจีนตามหลักเกณฑ์ต่างๆเปิดการสั่งการ Top Down ลงมา จากรัฐบาลส่วนกลาง ดังนั้นเขาบอกเลยว่าผลไม้ต่างๆสินค้าประเภทต่างๆที่จะมีการส่งไปยังประเทศจีนจะต้องไม่มีเชื้อ covid19 เลย 

จึงเป็นประเด็นเลยเพราะว่าพอรัฐบาลทุบโต๊ะมาแบบนี้ทางด้านของรัฐบาลท้องถิ่นก็ต้องดำเนินการตามนั้นเขาเลยมีการเข้มงวดแบบสุดๆเลยเพราะว่าหากเจ้าหน้าที่คนไหนพลาดไปนิดเดียวหนึ่งเลยคือถูกตำหนิสองเลยก็อาจจะถูกปลด ซึ่งทางฝั่งของประเทศจีนเขามีการคุมเข้มเป็นอย่างมาก  ufabet เพราะฉะนั้นนั่นก็เลยเป็นเหตุผลว่าทางด้านของผลไม้ในบ้านเราที่จะส่งออกไปเราก็ใจตุ้มๆต่อมๆว่าผลไม้ที่ส่งไปจะเป็นอย่างไร

ซึ่งอย่าลืมว่าผลไม้มันมีอายุหากเป็นสินค้าปกติไม่เป็นอะไรแต่ว่าสินค้าที่เป็นพระเอกของเราอย่างเช่นทุเรียนที่กำลังแพ็คกันอยู่มันเป็นทุเรียนสดหากส่งช้าไปแค่เพียงวันหรือ 2 วัน

กว่าจะไปถึงมือผู้บริโภคมันจะมีผลต่อรสชาติด้วยแล้วต้องบอกเลยว่าตลาดจีนเป็นตลาดที่ใหญ่และมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนไทย เพราะว่าตลาดผลไม้ในประเทศไทยได้ของมาเก็ตแชร์อันดับ 1 ของประเทศจีนเกือบครึ่งหนึ่งประมาณร้อยละ 45 

ในด้านหนึ่งจริงๆเลยก็ถือว่าเป็นโอกาสแต่สถานการณ์แบบนี้จริงๆแล้วเราอาจจะคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ไหมที่เราจะต้องหาโอกาสอื่นๆเผื่อเอาไว้เอาไว้หน่อยเพราะเราไม่รู้ว่านโยบายที่ทางประเทศจีนเขาคุมเข้มแบบนี้มันจะส่งผลกระทบต่อหน้าทุเรียนหรือผลไม้อื่นๆหรือเปล่า

เพราะว่าบ้านเราพอส่งออกเป็นจำนวนมากมันก็มีความเสียโอกาสหากเป็นไปได้ลองหาแหล่งอื่นเอาไว้สักนิดนึงเพราะว่าเราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไรเผื่อกระจายในความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลังด้วย

ภาพลักษณ์บริษัท

ภาพลักษณ์และชื่อเสียงนำมาซึ่งผลดีกับบริษัท

ภาพลักษณ์บริษัท Good-company ในการทำงานหรือก่อตั้งองค์กรหรือบริษัทขึ้นมาสิ่งที่สำคัญเป็นจำนวนมากคือชื่อเสียงขององค์กรนั้น องค์กรที่มีความน่าเชื่อถือจะทำให้การซื้อหรือการใช้บริการของผู้บริโภคปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก นี่เองจึงทำให้ล่ะบริษัทจึงต้องคำนึงถึงความน่าเชื่อถือเป็นหลักหรือแม้แต่จะเป็นชื่อเสียงของบริษัทเอง การดำเนินกิจการอย่างมีลักษณะหรือมีคุณภาพจึงต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา

เพราะต้องคิดว่าลูกค้าในการที่ใช้บริการหรือสินค้าของเราหากไม่มีความเชื่อมั่นก็จะสั่งมากทำให้เขาเหล่านั้นเปลี่ยนใจไปซื้อหรือใช้บริการอื่นที่มีความใกล้เคียงกับเราได้ ในทุกๆการทำโครงการหรือผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นบริการต่างๆก็ล้วนแต่มีความเสี่ยงในการทำทั้งนั้นเพราะหากทำออกมาแล้วไม่มีความน่าเชื่อถือหรือเชื่อมั่นในธุรกิจ

จะทำให้การใช้บริการและการบอกต่อปรับตัวลดลง ในปัจจุบันมีการเข้าถึงเทคโนโลยีเป็นอย่างมากการส่งต่อข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็สามารถเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว หากเราทำชื่อเสียงของบริษัทเสื่อมเสียจะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกส่งต่อบนโลกโซเชียลอย่างรวดเร็วข้อมูลที่ส่งต่อเหล่านั้นจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเงินหรือความน่าเชื่อถือ

ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์จะทำให้หุ้นต่างๆหรือทรัพย์สินภายในบริษัทปรับตัวลดลงในช่วงค่ำคืน นี่คือสิ่งที่เราต้องยึดถืออย่างมากนั่นคือความน่าเชื่อถือของบริษัทมีชื่อเสียงทางด้านดีของบริษัท การรักษาชื่อเสียงและภาพพจน์ในองค์กรนั้นๆถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก

หากไม่มีการปฏิบัติอย่างถี่ถ้วน หรือขาดความเข้าใจในการทำงานอาจจะทำให้บริษัทเหล่านี้สูญเสียลูกค้าในอนาคตไปได้ร่วมทุนนักลงทุนต่างๆที่มีความต้องการเงินลงทุนในบริษัทเรา หรือแม้แต่จะเป็นการนำทรัพยากรต่างๆไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ๆหรือเทคโนโลยีต่างๆที่มีการคิดวิเคราะห์หรือวิจัยต่างๆมาลงทุนในบริษัทเรามีความลังเลอย่างมากทั้งนี้เองจึงมีความสำคัญในการยึดถือยึดมั่นในชื่อเสียงของบริษัทในการบริหารสิ่งต่างๆของบริษัทเพื่อช่วยให้ลดความเสี่ยงในการสูญเสียจึงต้องมีการตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆเพิ่มขึ้นมา

เพื่อให้การดำเนินกิจการเป็นไปด้วยความราบรื่นและโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้หรือรวมถึงการลดความเสี่ยงในการทำกิจกรรมต่างๆในบริษัทที่จะส่งผลกระทบในด้านลบ สิ่งเหล่านี้เองจึงต้องมีการทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อทำให้เกิดการทำอย่างเป็นระบบไม่ว่าจะเป็นทางด้านบุคลากรที่อยู่ในบริษัท หรือแม้แต่จะเป็นผลิตภัณฑ์หรือสินค้าต่างๆที่มีการออกมาต้องตรวจสอบอย่างแน่นอนว่าสามารถใช้ได้จริงและมีคุณภาพอย่างแน่นอนมีทีมงานที่เหมาะสมในการทำงาน เหล่านี้เองจึงจะสามารถรักษาชื่อเสียงของบริษัทไปได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet